May 26, 2011

Top 20 Asian Universities Rankings in 2011



ผลการจัดอันดับ ปี 2011 ของ  QS Asian University Rankings.  20 อันดับแรก ของมหา'ลัยในเอเซียปี 2011 ปรากกฎว่า ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และ จีน กวาดหมด  ส่วนไทย มหิดล อันดับที่ 34  77.09 คะแนน และ จุฬา ฯ อันดับที่ 47  69.9 คะแนน




From : http://goo.gl/r4tF1

May 25, 2011

สนใจการเปิดธุรกิจใหม่ และการจัดการ



สอบถาม สนใจการเปิดธุรกิจใหม่ และการจัดการ
*********************************************************
ดิฉัน ชื่อ กนกกาญจน์ นะคะ รู้จักอาจารย์ ผ่านบทความที่อาจารย์เขียน
 
ตอนนี้ทำธุรกิจอยู่กับที่บ้านเกี่ยวกับ มันสำปะหลังอัดเม็ด ส่งภายในประเทศ ได้ประมาณปีกว่าๆแล้วค่ะ
อยากที่จะเปิดธุรกิจใหม่ คืออยากที่จะทำ edutainment + community park ที่ อ.กบินทร์บุรี จ. ปราจีนบุรี นะคะ
อยากอบรมหลักสูตรที่เกี่ยวกับ การเปิดธุรกิจใหม่  และการจัดการค่ะ
 
อาจารย์มีคอร์สแนะนำมั้ยค่ะ 
 
 
ขอบคุณค่ะ
 

~ KANOKKAHN PONGPANICH~  +gLoY

เรียนคุณกลอย
ส่วนใหญ่ที่สอนแบบเปิดหลักสูตรมักเป็นด้านกลยุทธ และ HR & องค์กร ครับ  ถ้าเป็นการเปิดธุรกิจ จะสอนให้ตามที่ มหา' ลัย หรือ หน่วยงานของรัฐจัดและเชิญมา
ดูทางเวบได้

พื้นที่ ทางนั้นน่าสนใจที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวครับ(เห็นพูด ๆ กัน)
ลองเดินทางสำรวจที่มีอยู่ในเมืองไทยว่าเขาทำกันอย่างไร  เช่น ที่ จ.ปราจีน -บ้านผางาม
ที่-โคราช ทองสมบูรณ์คลับ

ที่ต่างประเทศ ดีสนีย์แลนด์ฮ่องกง กับ ยูนิเวอร์แชล สิงค์โปร์

น่าจะได้ไอเดียในการทำธุรกิจ ตามที่บอกมาครับ
ส่วนความรู้การจัดการ สามารถดูรายการหนังสือหากสนใจติดต่อได้เช่นกัน



May 24, 2011

ใครถือหุ้นใหญ่ ปต.ท.

วันนี้ 24 พ.ค.54 ไปบรรยายเรื่อง แนวคิดการจัดการสมัยใหม่ และการสร้างนวัตกรรม ให้กับสถาบันพระปกเกล้าซึ่งจัดให้กับกระทรวงอุตสาหกรรม มีอยู่ตอนหนึ่งพูดถึง ปตท ว่ากำไรเป็นแสนล้านแล้วคนไทยคงต้องจ่ายค่าาน้ำ้มันแพงขึ้นหรือเปล่า

ในตอนท้ายการบรรยาย เจ้าหน้าที่ ปตท. ที่เข้าอบรมด้วยบอกข้อมูลให้ทราบว่า ที่จริงแล้วรายด้ายจากน้ำมันน้อยมาก(เขาบอก) และบอกว่าผู้ถือหุ้นใหญ๋เป็น กระทรวงการคลัง มากึง 70%  ผมเองไม่มีตัวเลยเลยลองมาหาข้อมูลดูพบว่า กระทรวงการคลังถือแค่ 51.49%(แปลกใจว่า 1 หุ้นเดียวแต่สัดส่วนตั้งครึ่งหนึ่ง) และมีนอมินีหลายราย (พวกนักการเมือง พวกค้าเงิน อาจอยู่ในบ้านเรา)  รายได้ปี 51 ประมาณ 2 แสนล้านบาท กำไร
1.5 แสนล้านบาท .. เลยไม่รู้จะเชื่อหรือไม่เชื่อดี

ดร.ดนัย เทียนพุฒ 24 พ.ค.54


ทั้งหมดเป็นข้อมูลจาก เวบ
 http://www.pttplc.com/TH/investor-relations-shareholder-capital-data-shareholder-structure.aspx


โครงสร้างผู้ถือหุ้นข้อมูล ณ วันที่ 24/5/2554  



May 15, 2011

เมื่อ TCC Land รุก รีเทล(ค้าปลีก) เต็มตัว


ตอนที่ TCC Land ร่วมทุนกับ Capitaland  ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ของ สิงคโปร์ ในชื่อบริษัท TCC Capital Land ถือได้ว่าเป็นก้าวกระโดที่น่าสนใจเพราะ Capitaland เก่งทั้งการเป็น Developer และ Retail Developer  แต่ ณ วันนี้ Capitaland ได้ถอนตัวและขายหุ้นทั้งหมดให้กับกลุ่ม TCC Land (เม.ย.54) จุดเด่นดังกล่าวอาจหายไป แต่ TCC Land มีทุน และ ที่ดินจำนวนมากก็ยังเป็นกลุ่ม Developer ที่บรรดา "ค้าปลีก" ในไทยเกรง ๆๆ อยู่ 


เป็นกรณีศึกษาทางธุรกิจที่ น่าสนใจสำหรับ นศ. MBA หรือ DBA  ครับในการติดตามและวิเคราะห์กลยุทธของกลุ่ม TCC Land 

ดร.ดนัย เทียนพุฒ


************
ข่าวประกอบ

"ทีซีซี แลนด์" ธุรกิจอสังหาฯของเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี กางแผนลงทุน ปี"54-55 งัดแลนด์แบงก์ 72 ไร่ มูลค่า 6 พันล้านบาท ย่านเจริญกรุง ผุดไลฟ์สไตล์มอลล์แบรนด์ใหม่ "เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์" ควบขยายสาขา "ดิจิตอล เกตเวย์" บนที่เช่าย่านเอกมัย เบื้องต้นคาดต้องใช้งบฯลงทุนรวม 1-2 หมื่นล้านบาท ประเดิมตอกหมุดเฟสแรกโครงการโอเพ่นมอลล์ซอยเจริญกรุง 72-76 พื้นที่ 30,000 ตารางเมตร เตรียมเปิดบริการ ธ.ค.นี้


นายปณต สิริวัฒนภักดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มโครงการรีเทล (ค้าปลีก) และโรงแรมของตระกูลสิริวัฒนภักดี กล่าวว่า ช่วง 2 ปีนี้ (2554-2555) ทีซีซีแลนด์วางแผนพัฒนาโครงการรีเทลใหม่ 2 โปรเจ็กต์ ได้แก่ 1) โครงการ "เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์" โอเพ่นมอลล์บนที่ดินติดแม่น้ำเจ้าพระยาในย่านเจริญกรุง และ 2) โครงการดิจิตอล เกตเวย์ เอกมัย ศูนย์ขายสินค้าไอที ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเอกมัย

โดยหลังจากทั้ง 2 โครงการเปิดให้บริการ จะทำให้มีพื้นที่โครงการรีเทลในพอร์ตทั้งหมดเพิ่มขึ้นอีก 130,000 ตารางเมตร รวมเป็น 700,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นโครงการเอเชียทีคฯ มีพื้นที่ 30,000 ตารางเมตร และโครงการดิจิตอล เกตเวย์ เอกมัย มีพื้นที่ 100,000 ตารางเมตร ทั้ง 2 โครงการกำหนดเปิดบริการภายเดือนธันวาคมนี้ และภายในไตรมาส 2 ปีหน้า ตามลำดับ

สำหรับโครงการเอเชียทีคฯ จะพัฒนาบนที่ดินติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมเนื้อที่กว่า 72 ไร่ ในย่านถนนเจริญกรุง ซึ่งเป็นที่ดินเก่าที่ซื้อเก็บไว้นานแล้ว ตั้งอยู่ระหว่างซอยเจริญกรุง 72-76 มีหน้ากว้างติดแม่น้ำ 300 เมตร รูปแบบโครงการพัฒนาเป็นโอเพ่นมอลล์ หรือมอลล์เปิดโล่ง สไตล์โคโลเนียล (รัชกาลที่ 5) ภายใต้คอนเซ็ปต์ "เฟสติวัล มาร์เก็ต แอนด์ ลิฟวิ่ง มิวเซียม" (Festival Market and Living Museum) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ในอนาคตเมื่อเปิดให้บริการ จะเป็นแหล่งรวมสินค้าและบริการหลากหลาย ได้แก่สินค้าตกแต่งบ้าน แฟชั่น เครื่องประดับ ร้านอาหาร แหล่งบันเทิง แผนพัฒนาจะมี 4 เฟส แบ่งที่ดินเฟสแรก จำนวน 28 ไร่ มาพัฒนาโครงการเอเชียทีคฯก่อน มีพื้นที่โครงการรวม 30,000 ตารางเมตร จำนวน 1,500 ร้านค้า พร้อมที่ดินจอดรถกว่า 2,000 คัน โดยใช้งบฯลงทุนเฉพาะค่าก่อสร้าง 1,000 ล้านบาท ไม่นับรวมมูลค่าที่ดินทั้งหมดกว่า 72 ไร่ อีกไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท กำหนดเริ่มทยอยเปิดให้บริการได้ภายในเดือนธันวาคม 2554 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00-20.00 น.

"ที่ดินผืนนี้อยู่ในแหล่งประวัติเก่าแก่ โดยนักธุรกิจชาวเดนมาร์ก (มิสเตอร์ แอนเดอร์สัน) ได้เข้ามาก่อสร้างท่าเรือเอเชียทีคเพื่อขนส่งสินค้าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 สภาพที่ดินมีสิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารคลังสินค้าเก่าอยู่ เราจึงเลือกที่จะออกแบบโดยคงสภาพท่าเรือและสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ไว้ เพื่อผสมผสานกลิ่นอายความเป็นตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน"

แนวคิดโครงการเอเชียทีคฯ แบ่งพื้นที่เป็น 4 ย่าน คือ 1) ย่านเจริญกรุง ประกอบด้วยร้านจำหน่ายของตกแต่งบ้าน ของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว และร้านอาหารชั้นนำกว่า 700 ร้านค้า และโรงละครกว่า 400 ที่นั่ง สำหรับแสดงหุ่นละครเล็กโจหลุยส์ หรือโชว์คาลิปโซ่ คาบาเรต์

2) ย่านกลางเมือง เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้งกว่า 2,000 ตารางเมตร โซนอินเตอร์เนชั่นแนลฟู้ดเซอร์คัส รวบรวมร้านอาหารอร่อยจากทั่วโลก 3) ย่านโรงงาน เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ที่รวบรวมร้านอาหาร ผับ และร้านค้ามีสไตล์ สินค้าแฟชั่น ของประดับตกแต่งกว่า 1,000 ร้านค้า และ 4) ย่านริมน้ำ ประกอบด้วยร้านอาหารสไตล์เก๋ หลากหลายทั้งสไตล์ญี่ปุ่น อิตาเลียน ไทย จีน และซีฟู้ด

ความคืบหน้าโครงการ ปัจจุบันเริ่ม งานก่อสร้างแล้วกว่า 20-30% โดยในวันลอยกระทงปีนี้ บริษัทจะจัดอีเวนต์ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ ก่อนเปิดให้บริการภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยจะเปิดบริการพื้นที่ "ย่านเจริญกรุง-ย่านริมน้ำ" ก่อน จากนั้นจะทยอยเปิดตัว "ย่านกลางเมือง-ย่านโรงงาน" ภายในมีนาคม 2555

ล่าสุดมีร้านค้าสนใจจองพื้นที่แล้ว กว่า 90% ร้านค้าเป็นขนาดมาตรฐานพื้นที่เฉลี่ย 5 ตารางเมตร คิดค่าเช่าเฉลี่ยตารางเมตรละ 1,000-2,000 บาท ระยะเวลาตามสัญญาเช่าตั้งแต่ 3-9 ปี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแรกเข้า แต่จะใช้วิธีเก็บค่ามัดจำเท่ากับอัตราค่าเช่า 4 เดือน กรณีย้ายออกจะคืนเงินส่วนนี้ให้กับร้านค้า

ลูกค้าเป้าหมายแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มคนไทยที่ทำงานในละแวกนี้ อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป มีรายได้ปานกลาง ต้องการสถานที่พบปะสังสรรค์ 2) กลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติที่ต้องการแหล่งพักผ่อนที่ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้สำรวจความต้องการกลุ่มลูกค้าผ่านบริษัททัวร์ และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ก็เห็นด้วยที่จะมีโครงการลักษณะนี้เกิดขึ้น โดยประมาณการว่าจะมีลูกค้าเฉลี่ยวันละ 15,000-20,000 ราย และจะสร้างรายได้จากค่าเช่าเฉลี่ยปีละ 300-400 ล้านบาท

นายณภัทร เจริญกุล ผู้อำนวยการโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ บริษัท ทีซีซี แลนด์ รีเทล จำกัด กล่าวเสริมว่า นโยบายการพัฒนาที่ดินเจริญกรุงกว่า 72 ไร่ ที่ผู้บริหารกลุ่มบริษัททีซีซีแลนด์วางไว้ จะแบ่งการพัฒนาเป็น 4 เฟส เฟสแรก เป็นโครงการโอเพ่นมอลล์ (เอเชียทีค) เฟส 2 น่าจะเป็นโครงการมอลล์ เบื้องต้นกำหนดว่าจะต้องมีคอนเซ็ปต์ต่างจากเฟสแรก อาคารอเนกประสงค์ และอาจจะมีโรงแรม ซึ่งอาจจะเริ่มได้ภายในปี 2556

เฟส 3 น่าจะเป็นแหล่งดึงดูนักท่องเที่ยว (Tourist attraction) เช่น จุดชมวิว เป็นต้น และเฟสสุดท้าย จะเป็นโรงแรม โดยในมาสเตอร์แปลนที่ดินกว่า 72 ไร่ เบื้องต้นกำหนดว่าน่าจะต้องมีโรงแรมอย่างน้อย 2 อาคาร เบ็ดเสร็จคาดว่าจะใช้เงินพัฒนารวมทั้งหมด 10,000-20,000 ล้านบาท และใช้เวลาพัฒนารวม 10-15 ปี


อ้างจาก  ประชาชาติธุรกิจ ออนไลน์  วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554   http://goo.gl/HPWj6

May 9, 2011

ผมอ่านเจอ  เรื่องราวเกี่ยวกับความสามารถของผู้บริหารเห็นว่าน่าสนใจดีเลยนำมาเผยแพร่ต่อครับ


(http://blogs.hbr.org/hill-lineback/2011/04/the-right-to-management-compet.html?cm_mmc=email-_-newsletter-_-leadership-_-leadership050411&referral=00206&utm_source=newsletter_leadership&utm_medium=email&utm_campaign=leadership050411)
Management Competency

Every direct report should be able to expect that the boss will:

Be Trustworthy. Trust is based on competence and character, and so people can expect the boss
(a) will know what to do and how to do it, and (b) will possess fundamental values, standards, interpersonal skills, emotional maturity, and levels of caring that support the work and those doing it.

Exercise influence beyond his or her group. Every group works in a web of interdependence within a broader organization and beyond. Success — through, for example, securing needed resources, attention, and cooperation — depends on the boss's ability to exercise influence in that broader context through a network of ongoing, mutually supportive relationships.

Create a team of his or her group. A group is a collection of people who work together. A team is a group whose members are mutually committed to pursuit of a clear purpose and the achievement of goals based on that purpose. In a team there is a "we" separate from the individuals involved and the people in that "we" believe they will all succeed or fail together. Why is this important? Because members of a team are more engaged and committed and as a group are more innovative and productive. A competent manager knows how to transform a group into a team — by fostering a compelling purpose, worthwhile goals and clear plans, productive work processes, and a culture of "we."

Recognize individuals and support their development. People want to belong and be recognized for themselves. Thus, an effective manager knows individual team members, works with them, supports their development, and recognizes their contributions — all within the context of the team.