(จำหน่าย แล้ว ราคา 260 บาท ค่าส่ง 40 บาท )
บทนำ: การบุกเบิกพรมแดนแห่งความรู้
ความท้าทายอย่างหนึ่งในการทำงานเกี่ยวกับวิจัย น่าจะเป็นการเขียนประสบการณ์ซึ่งถอดออกมาจากช่วงเวลาของการทำวิจัยตลอดโครงการ หรือแม้กระทั้งการทำงานร่วมกันระหว่าง อาจารย์ที่ปรึกษากับนักศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิต ให้เป็นบทเรียนเพื่อการเรียนรู้
ทำไมผู้เขียนถึงอยากพูด อยากเขียนเกี่ยวกับการสร้างองค์ความรู้ (Body of Knowledge) หรือไปไกล ๆ ที่เรียกว่า “การบุกเบิกพรมแดนแห่งความรู้ (Pioneering Frontier of Knowledge)” เพราะได้เห็น “การพัฒนาวิธีการสร้างทฤษฎีของต่างประเทศ” โดยเฉพาะจากสถาบันการศึกษาและวารสารชั้นนำระดับโลกเช่น Academy of Management (สามารถศึกษาได้ จากเวบไซท์ของ AOM ) ส่วนตัวอย่างของ
การสร้างทฤษฎี ผู้เขียนนำมาจาก COPENHAGEN BUSINESS SCHOOL วิชา Theory Building at the Intersections of Organizing and Communication ( http://www.cbs.dk/en/theory-building-the-intersections-of-organizing-and-communication) เช่น
-บทนำสู่ทฤษฎี : ทฤษฎีคืออะไร และทำไมเราจึงต้องสนใจ
-กระบวนการสร้างทฤษฎี (The Theory-Building Process)
-อะไรคือ ทฤษฎี (การจัดการ) (What is (Management) Theory?)
- โมเดลของการอธิบาย กลไก และบทบาทของข้อตกลงเบื้องต้น
-การนิยามสร้างและการวัดทฤษฎี
-โมเดลสาเหตุ โมเดลภาคตัดขวางและโมเดล
- มุมมองด้านเครือข่ายและการศึกษาองค์กร
-ทฤษฎีพหุระดับ : ความสัมพันธ์ระหว่างการสร้างทฤษฎีในระดับที่แตกต่างกัน
-ทฤษฎีใหม่เกิดมาได้อย่างไร : ทำอย่างไรให้เกิดการรังสรรค์
การสอนในประเด็นข้างต้น ต้องยอมรับว่าไม่เคยได้ยิน หรือ มีการพูดกันน้อยในระบบการศึกษาของไทยเรา แต่มักจะได้ยินการกล่าวถึงทฤษฎีต่าง ๆ ที่ได้มีการพัฒนาในโลกวิชาการ หรือ เป็นกรณีตัวอย่างกันมาอย่างมากมายและภาคภูมิใจที่ได้พูดถึง หรือ การได้ทำวิจัยตรวจสอบว่าสามารถนำมาใช้ในบริบทของสังคมไทย หรือ ใช้บริหารจัดการข้ามวัฒนธรรมได้
หากไม่มีการศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อการสร้างทฤษฎีใหม่ แม้ว่าเรา (หน่วยงานรัฐด้านนโยบายการวิจัยของประเทศ) พยายามทุ่มงบวิจัยอย่างมาก เพื่อให้ศาสตราจารย์ทางสายวิทยาศาสตร์พยายาม คิดค้นและพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ แต่ไม่แน่ใจว่าเราจะก้าวกระโดดทางเทคโนโลยี ได้อย่างประเทศเกาหลีใต้ได้ทันไหม (แม้จะไม่ได้ผลเร็วก็ดีกว่าไม่ทำในปัจจุบันนี้) ในขณะที่ประเทศจีนกลับคิดตรงกันข้าม ได้บอกว่า การส่งคนไปเรียนปริญญาเอกในต่างประเทศแม้ว่าจะยังจำเป็น แต่ใช้เวลานานมากในการให้ คนที่จบปริญญาเอกกลับมาสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ และ ก็มีธรรมชาติของการทะเลาะกัน ต่างคนต่างเดิน เป็นการสูญเสียเวลาของประเทศ จีนเลือกใช้วิธีการที่รวดเร็วกว่าในการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีคือ การเข้าไปกว้านซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) บริษัทเทคโนโลยีในโลกนี้ดีกว่าโดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีในเยอรมัน ในด้าน เครื่องจักรและอุปกรณ์ของอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์พลังงานกลับมาใช้ใหม่ อิเลคทรอนิกส์ เคมี พลาสติกและยาง
ทั้งหมดนี้กำลังบอกทิศทางใหม่ ในการเรียนลัดสำหรับประเทศเกิดใหม่ เช่น จีน ซึ่งร่ำรวยขึ้นมาและใช้วิธีการ “การซื้อและควบรวมกิจการ (M&A)” เป็นการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยี (แต่จีนก็น่าจะมีเทคโนโลยีระดับหนึ่งที่จะต่อยอดได้มิฉะนั้นได้เทคโนโลยีมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร)
แล้วประเทศไทยเราจะสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการเพื่อก้าวกระโดดทางเทคโนโลยี และการสร้างองค์ความรู้แบบใดสำหรับการแข่งขันที่จะเหมาะสมกับเรา คงต้องช่วยกันคิดใหม่ คิดต่างจากที่ยังไม่เคยคิด และคงเดินในเส้นทางที่คุ้นเคยไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษาธุรกิจ
กรรมการบริหารหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลผู้บริหารระดับกลาง
สถาบันพระปกเกล้า
Line ID: thailand081