October 17, 2009

เทสโก้ ลงทุน 7พันล้านลุยค้าปลีกไทย 5 ปี

"เทสโก้" ควักอีก 7 พันล้านเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องปีหน้า ชี้เทรนด์ค้าปลีกแข่ง"ราคา"ฝุ่นตลบ

"เทสโก้ฯ" ควักกระเป๋าอีก 7 พันล้าน เดินหน้าลงทุนขยายสาขาต่อเนื่องปีหน้า พร้อมชี้เทรนด์ค้าปลีกแข่งราคาฝุ่นตลบ เล็งเพิ่มช่องทางขายออนไลน์รับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน

นายสตีฟ แฮมเม็ทท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัส กล่าวว่า แม้สภาพเศรษฐกิจในปีนี้จะแย่มากแต่บริษัทจะยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท โดยการเปิดสาขาในปีหน้าวางแผนจะใช้งบฯลงทุนใกล้เคียงกับปีนี้ หลัก ๆ มีแผนจะเปิดพลัส ช้อปปิ้งมอลล์ ซึ่งใช้เงินลงทุนสาขาละ 200 ล้านบาท อีก 1-2 สาขา อย่างไรก็ตามบริษัทจะพิจารณาถึงภาพรวมเศรษฐกิจและการทำตลาดของคู่แข่งประกอบไปด้วย

ภายในสิ้นปีจะเปิดสาขาใหม่เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ต 6 สาขา ตลาดโลตัส 10 สาขา และโลตัส เอ็กซ์เพรส 60 สาขา ทำให้สิ้นปีนี้เทสโก้ฯมีไฮเปอร์มาร์เก็ต 82 สาขา ตลาดโลตัส 34 สาขา และโลตัส เอ็กซ์เพรส 460 สาขา ปัจจุบันเทสโก้ฯยังมีสาขาไม่ถึง 5% ของภาพรวมธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ซึ่งมีสาขารวมกันมากกว่า 10,000 สาขา
"เราเริ่มเห็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน แต่ส่วนตัวยังไม่เชื่อมั่น 100% เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน เราจะยังเน้นกลยุทธ์ราคาที่ช่วยลดภาระการใช้จ่ายลูกค้าเป็นเครื่องมือหลักเช่นเดียวกับห้างอื่น ๆ"

นายสตีฟยังได้กล่าวถึงแผนใน 5 ปีข้างหน้าว่า จะเน้นเพิ่มทราฟฟิกลูกค้าให้มากขึ้น จากเดิมมีลูกค้าใช้บริการที่เทสโก้ฯราว 1 ล้านคนต่อวัน และจะปรับปรุงสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะเปิดให้บริการอีคอมเมิร์ซในชื่อ www.tesco.com โดยจะเน้นขายสินค้ากลุ่มโกรเซอรี่

ขณะที่ ดร.ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เทสโก้ฯ กล่าวเสริมว่า ธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องศึกษาเรื่องการขยายช่องทางใหม่ ๆ ที่สอดรับกับความต้องการ วิถีชีวิต และรสนิยมของผู้บริโภค หากลูกค้าไทยมีความต้องการเรื่องนี้สูงบริษัทก็จะทำการศึกษาอย่างจริงจังต่อไป

"ที่ผ่านมาเราได้ลงทุน 37 ล้านบาท เพื่อขยายการให้บริการบิลเพย์เม้นท์ ซึ่งเดิมวางแผนคุ้มทุนภายใน 5 ปี แต่ปรากฏว่าบิลเพย์เม้นท์เกือบจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในปีแรกที่ให้บริการ ปัจจัยความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากสูตรสำเร็จจากประเทศอังกฤษ"

ดร.ดามพ์กล่าวอีกว่า ตลอดทั้งปีคาดว่าบริษัทจะมีรายได้เติบโตขึ้น 3-5% ซึ่งเป็นการเติบโตระดับเดียวกันกับภาพรวมธุรกิจค้าปลีก เนื่องจากปีนี้เศรษฐกิจไม่ปกติทำให้ลูกค้าระมัดระวังการจับจ่ายมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์ด้านราคา และคาดว่าภาพการแข่งขันด้านราคาจะยาวต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า

วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เวลา 14:15:56 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1255752555&grpid=03&catid=00

No comments: