October 21, 2008

News : MBK รุกค้าปลีกย่านศรีนครินทร์

บทสัมภาษณ์ของ MBK ใน นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ฉ.วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4046.
ผู้เขียนเห็นว่าน่าสนใจที่ MBK รุกเข้าสู่ Community Mall โดยเป็นการ " เดินทางลัดในการซื้อเสรีเซ็นเตอร์เพื่อขยายธุรกิจ จึงนำมาลงต่อในบล็อกเพื่อการศึกษาของ นศ. MBA

สัมภาษณ์

ได้รับความสนใจจากคนในวงการค้าปลีกไม่น้อย เมื่อ "เอ็มบีเค" ควงแขน "สยามพิวรรธน์" พร้อมกับทุ่มงบฯลงทุนใหม่อีกกว่า 975 ล้านบาท สำหรับการซื้อหุ้นใหญ่ของศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ล่าสุดในงานเปิดตัวธุรกิจประมูลรถยนต์ ออนไลน์ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างเอ็มบีเคและแอ๊ปเปิล อินเตอร์เนชั่นแนล "สุเวทย์ ธีรวชิรกุล" กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า ในการปลุกห้างเสรีเซ็นเตอร์ และการ เตรียมลงทุนในธุรกิจคอมมิวนิตี้มอลล์

- ถึงวันนี้การเข้าไปบริหารเสรี เซ็นเตอร์มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง

ตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม แต่มีแปลนไว้แล้วว่าจะทำอะไรบ้าง แต่เนื่องจากตารางสรุปยังไม่เสร็จจึงยังบอกไม่ได้ชัดเจน และสำหรับคอนเซ็ปต์โดยรวมเองก็ต้องดูแลให้เข้าที่ก่อนจึงจะเริ่มจัดงบฯสำหรับรีโนเวตได้ แต่คาดว่ากลุ่มเป้าหมายหลังการรีโนเวตน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับของห้างเสรีเซ็นเตอร์ 

- สาเหตุที่ตัดสินใจซื้อเสรีเซ็นเตอร์

หลักๆ เลยก็คำนึงถึงผลตอบแทน ผลลงทุนที่น่าพอใจ 

- เสรีเซ็นเตอร์มีศักยภาพในเชิงธุรกิจในย่านนั้น

จากประสบการณ์การดำเนินธุรกิจของเราที่มีมาเกือบ 20 ปี ค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ อย่างเรื่อง ผลประกอบการที่ไม่ค่อยดีก็ต้องค่อยๆ ทำต่อไป เราเองก็หวังว่าเมื่อเข้าไปแล้วเสรีเซ็นเตอร์น่าจะดีขึ้น เติบโตมากขึ้น

- ความท้าทายระหว่างทำศูนย์การค้าในแถบชานเมืองกับแหล่งช็อปปิ้งในกลางกรุงที่ เอ็มบีเคมีประสบการณ์มานาน

จริงๆ ก็ไม่เป็นชานเมืองมากนัก แต่มันก็คงใช้วิธีการบริหารจัดการที่ไม่เหมือนกันทีเดียวกับในกรุงเทพฯ ซึ่งก็ต้องรอให้คอนเซ็ปต์ต่างๆ เรียบร้อยเสียก่อน จึงจะบอกได้ 

ถามว่าตั้งแต่ตอนแรกที่ซื้อเสรีเซ็นเตอร์มา เรามีคอนเซ็ปต์ไว้ในใจหรือไม่ ก็ต้องบอกว่ามี เพียงแต่พอเข้าไปบริหารจริงๆ เราต้องดูทุกอย่างให้เหมาะสมจนมั่นใจว่าเราควรเดินต่อในทิศทางไหน 

- ก่อนหน้านี้เอ็มบีเคซื้อที่ดินแถวพระรามที่ 9 ไว้ มีแผนจะพัฒนาใน รูปแบบไหน

ที่ดินแถวพระรามที่ 9 ตัดใหม่ เราซื้อมาสัก 1 ปีแล้ว ตั้งใจสร้างเป็นลักษณะเนเบอร์ฮูดมอลล์ หรือคอมมิวนิตี้มอลล์ แต่กว่าจะเสร็จก็คงใช้เวลาเป็นปี เพราะอย่างที่เสรีเซ็นเตอร์ อันนั้น เรามีห้างอยู่แล้ว แต่ที่นี่เป็น

พื้นที่เปล่า ก็น่าจะใช้เวลานานกว่า และ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและจังหวะด้วย

เบื้องต้นใช้งบฯซื้อที่ดินแล้ว 300 ล้านบาท พื้นที่ 16 ไร่ คาดว่าต้องใช้งบฯสำหรับโครงการนี้อีก 200 ล้านบาท เบ็ดเสร็จทั้งโปรเจ็กต์นี้จะใช้เงินประมาณ 500 ล้านบาท โดยจะแบ่งใช้เป็นคอมมิวนิตี้มอลล์ 10 ไร่ ส่วนอีก 6 ไร่อาจจะทำเป็นเฮาซิ่ง 

- มองภาพการแข่งขันของคอมมิวนิตี้มอลล์ในเวลานี้อย่างไร

ความจริงคอมมิวนิตี้มอลล์ที่จะทำ จะไม่เหมือนของพวกค้าปลีกอื่นๆ เสียทีเดียว คืออาจจะทำคล้ายๆ กับเจ อเวนิว (ทองหล่อ) ซึ่งอินเทรนด์มากกว่าของห้างค้าปลีกทั่วไป และจะทำในลักษณะเปิดให้เช่าพื้นที่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เป็นคอนเซ็ปต์ให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการถี่ๆ แวะมาเกือบทุกวันเพื่อมาทำธุระโน่นนี่ แต่อาจจะไม่ได้ซื้ออะไรเยอะๆ

สำหรับคอนเซ็ปต์ทั่วไปของคอมมิวนิตี้มอลล์ คือ การเน้นขายสินค้าจำเป็น มีซูเปอร์มาร์เก็ตให้ซื้อกับข้าว ผักสด หรือเนื้อ ตลอดจนร้านอาหาร ร้านกาแฟ สำหรับครอบครัวที่อยากออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน แต่ไม่อยากเดินทางไกลๆ 

หลักๆ ของคอมมิวนิตี้มอลล์ก็จะแข่งขันกันที่ทำเล ขึ้นอยู่กับชุมชนรอบๆ ว่ามีศักยภาพมากพอที่จะดึงให้คนมาใช้บริการได้มากพอหรือเปล่า

- การลงทุนและความคาดหวังในธุรกิจประมูลรถยนต์ออนไลน์

ธุรกิจนี้เป็นการร่วมทุนระหว่างเอ็มบีเคกับแอปเปิล ออโต ออกชั่น พันธมิตรจากญี่ปุ่น ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 90 ล้านบาท ล่าสุดได้ลงทุนแล้ว 70 ล้านบาท และอีก 20 ล้านบาทจะเป็นการลงทุนในส่วน ของพื้นที่ประมูลมอเตอร์ไซค์มือสองในบริเวณเดียวกัน 10 ล้านบาท รวมทั้งจะกระจายศูนย์ประมูลไปยังต่างจังหวัดครอบคลุมทุกภาค เบื้องต้นจะกระจายไปยัง 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น อุดรธานี นครปฐม และสุราษฎร์ธานี

ช่วงแรกตั้งเป้าหมายจัดประมูลรถยนต์ให้ได้เดือนละประมาณ 1,000 คัน ซึ่งจะทำให้มีรายได้ประมาณเดือนละ 6 ล้านบาท และรถมอเตอร์ไซค์เดือนละ 800-900 คัน 

ที่น่าสนใจคือ ตลาดประมูลรถมือสองเป็นตลาดใหญ่ มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท มีผู้ประกอบการรายใหญ่เพียง 4 ราย

- ตอนนี้จากปัญหานักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ลดส่งผลกระทบกับธุรกิจในเครืออย่างไรบ้าง

ต้องยอมรับว่าเราก็ได้รับผลกระทบนี้บ้าง โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรม แต่ความจริงแล้วมันเกิดจากปัจจัยทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยภายในประเทศมากกว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาก็ยกเลิกไป แต่ก็หวังว่าจะเกิดในช่วงสั้นๆ เท่านั้น

ส่วนการปรับแผนเพื่อรองรับปัญหานี้ ตอนนี้ธุรกิจโรงแรมกำลังสรุปงบประมาณอยู่ เลยยังประเมินไม่ได้ว่าจะทำยังไงต่อไป แต่เชื่อว่าบ้านเราน่าจะฟื้นตัวเร็ว เพราะยังไงก็แล้วแต่เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจโลก ค่าครองชีพในบ้านเราก็ยังถูกกว่าที่อื่น

- รายได้ที่ตั้งเป้าไว้ในปีนี้

รายได้รวมตลอดทั้งปีที่โชว์ในตลาดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน หากเทียบกับปี 2551 ที่เพิ่งปิดไป คิดว่าน่าจะเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะมีธุรกิจอื่นๆ ที่ขยายออกไป เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างบ้านขายก็กำลังจะโอนในปีบัญชีปัจจุบัน

ปีหน้าก็มีโอกาสขยายตัวได้อีก อย่างเสรีเซ็นเตอร์ที่เรากำลังจะทำก็จะเพิ่มรายได้ให้ส่วนหนึ่ง


From : http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02mar01201051&day=2008-10-20&sectionid=0207




No comments: