December 11, 2008

ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ก้าวสู่ทศวรรษใหม่

ปี 2551

นางสาวพิมพ์ผกา หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ในปี 2551ว่า ภายหลังจากที่ได้เปิดให้บริการมาถึง 13 ปี (ตั้งแต่ปี พ.ศ.2538) ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บนพื้นที่ก่อสร้าง 570,000 ตารางเมตร ตลอดระยะเวลาดังกล่าวสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง คือ พฤติกรรมของลูกค้าที่หมุนเวียนเข้ามาใช้บริการมีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีความทันสมัยและนิยมความเป็นแฟชั่นมากขึ้น ประกอบกับสภาพแวดล้อมที่มีอัตราการขยายตัวและเติบโตของโครงการบ้านต่างๆ, สถานประกอบการ และสถาบันการศึกษาที่มากถึง 22 สถาบัน ในเขตกรุงเทพตอนเหนืออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริเวณโดยรอบของศูนย์การค้า เกิดอัตราการขยายตัวและเติบโตของกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความต้องการที่แตกต่างจากลูกค้ากลุ่มเดิม คือ ไม่ได้ต้องการเพียงสินค้าดีมีคุณภาพเท่านั้น หากเป็นกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย นิยมความเป็นแฟชั่นชอบสินค้าที่มีแบรนด์ ตลอดจนการบริการที่ดี นอกจากกลุ่มลูกค้าที่มีความเปลี่ยนแปลงแล้ว ปัจจัยด้านเส้นทางการคมนาคมที่สะดวก มีโทเวย์ลงบริเวณด้านหน้า ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการเดินทางให้แก่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต จนส่งผลให้อัตราความหนาแน่นของจำนวนคนที่เข้ามาเดินในศูนย์เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 13 ปี (ปัจจุบัน 130,000 คนต่อวัน) และได้มีการทำ Customer Insight จึงทำให้ทราบถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าว่า ลูกค้ามีความต้องการเพิ่มมากขึ้นและไม่มีวันหยุดนิ่ง ทั้งในเรื่องความทันสมัย สินค้าและบริการ ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา จึงเป็นเหตุให้ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ต้องปรับ Positioning พร้อม Renovate พื้นที่ทั้งภายในและภายนอกศูนย์การค้าครั้งยิ่งใหญ่

สู่ทศวรรษใหม่ ในปี 2551 กับความยิ่งใหญ่ของ “The Natural-Metro Shopping Park” จุดนัดพบของธรรมชาติ ความล้ำสมัย และคุณ

ดังนั้นในปี 2551 ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต จึงปรับ Positioning สู่ความเป็น “The Natural-Metro Shopping Park : จุดนัดพบของธรรมชาติ ความล้ำสมัย และคุณ” ภายหลังจากที่ได้มีการทยอยปรับปรุงและตกแต่งพื้นที่ต่างๆ ตั้งแต่ปี 2550 อาทิ Digital Park อัพเดทเทคโนโลยีแห่งโลกดิจิตอลจากแบรนด์ชั้นนำ, Banking Park สะดวก ครบครัน ทุกบริการด้านการเงิน กับ 14 ธนาคาร 4 สถาบันการเงิน, Fashion Park เปลี่ยนลุคให้โดดเด่นไม่ซ้ำใครด้วยเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ที่ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ของทุกวัย พร้อมเพิ่มเสน่ห์เพื่อบุคลิกภาพที่ดีกับสถาบันเสริมความงามและสุขภาพชื่อดัง, Gourmet Park เต็มอิ่มกับทุกรสชาติที่หลากหลาย จากร้านอาหารชั้นนำกว่า 60 ร้านค้า, Campus Park สร้างสรรค์ทุกจินตนาการ เสริมสร้างศักยภาพแห่งการเรียนรู้ กับอาณาจักรการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ด้วย 35 สถาบันการศึกษาชั้นนำ , และ Alive Park มิติใหม่แห่งความบันเทิงของชีวิต พบกับกิจกรรมสุดสนุกและโชว์รูปแบบใหม่มากมาย ที่โอบล้อมไว้ด้วยธรรมชาติแสนงดงาม ซึ่งทั้ง 6 พาร์ค คือสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความครบครัน และทันสมัย กับการตกแต่งที่เน้นบรรยากาศธรรมชาติ อาทิ น้ำพุ น้ำตก และต้นไม้ ให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ใหม่ ในความเป็นศูนย์การค้าที่ทันสมัย ตอบสนองได้ครบทุกความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ที่ขยายตัวมาอยู่บริเวณรอบนอกกรุงเทพ ที่จะได้สัมผัสกับความทันสมัยทั้งบรรยากาศและสินค้า The Natural-Metro Shopping Park ของศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต พร้อมเผยโฉมและปรากฏสู่ทุกสายตาอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2551 เป็นต้นไป

สำหรับด้านหน้าศูนย์การค้า ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ได้เนรมิตพื้นที่จำนวน 10 ไร่ ให้เป็น “Forest Park” สวนป่าที่จำลองรูปแบบมาจากป่าร้อนชื้น (Tropical Rain Forest) ให้ลูกค้าได้สัมผัส เรียนรู้ และใส่ใจธรรมชาติมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ยังเป็นเสมือน Third Place สำหรับลูกค้าทุกกลุ่มที่จะมาทำกิจกรรมต่างๆ ในสวนป่าแห่งนี้ ซึ่งจากพฤติกรรมของคนที่มาศูนย์การค้า นอกจากมาจับจ่ายสินค้าแล้วศูนย์การค้ายังเป็นสถานที่สำหรับการพบปะสังสรรค์ระหว่างครอบครัว และกลุ่มเพื่อนอีกด้วย พร้อมกันนี้ Forest Park ยังเป็นหนึ่งในโครงการ ”ฟิวเจอร์พาร์ค อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” ของศูนย์การค้า ที่เล็งเห็นความสำคัญและใส่ใจในสิ่งแวดล้อมด้วยภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงในปัจจุบัน ตลอดจนแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งความล้ำสมัยภายทั้งภายในและภายนอก ตลอดจนความยิ่งใหญ่อลังการของสวนป่า จะเป็นสิ่งสะท้อนให้ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เป็น Regional Mall ภายใต้ภาพลักษณ์ใหม่ “The Natural-Metro Shopping Park” ที่สมบูรณ์แบบ

Forest Park สวนป่าเพื่อสังคม ตอกย้ำภาพศูนย์การค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

Forest Park คือสิ่งภาคภูมิใจที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต สร้างสรรค์เพื่อสังคม โดยมีจุดเด่น คือ ลานกิจกรรมกลางแจ้ง (Alive Park) ที่สามารถจัดกิจกรรมได้หลากหลาย, ลานน้ำพุ (Musical Fountain) ขนาดใหญ่ที่สามารถจัดการแสดงพร้อมแสง สี เสียง ได้มากกว่า 100 รูปแบบ, ฝนเทียม (Magic Rain) น้ำฝนเทียมที่จะให้ความชุ่มชื้นและตกบริเวณสวนป่าทุกวัน (ตลอด 365 วัน), ลานกิจกรรมเด็ก (Playground) รวบรวมเครื่องเล่นหลายประเภทที่สามารถเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กวัย 3-9 ปี, ลู่วิ่ง (Jogging Track) มีความยาว 700 เมตร และร้านค้า (Pavilion) ท่ามกลางธรรมชาติ จำนวน 4-6 ร้าน

โดยการรีโนเวตและปรับภาพลักษณ์ใหม่ครั้งนี้ ได้ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 800 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายหลังจากปรับภาพลักษณ์ครั้งนี้ ลูกค้าประจำจะมาใช้บริการในศูนย์ถี่มากขึ้น คือ 7 ครั้ง / เดือน และเพิ่มลูกค้าในระดับ B+ 20% ตลอดจนยังสามารถขยายฐานลูกค้าไปในรัศมี 40 กิโลเมตรของฟิวเจอร์พาร์คได้แน่นอน

ตอกย้ำความเป็น The Natural-Metro Shopping Park ด้วยงบการตลาด 300 ล้านบาท

นางสาวพิมพ์ผกา เปิดเผยถึงแผนการตลาดในปี 2551 ว่า จากการทำวิจัยของศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ในปี 2550 พบว่าช่วงระยะเวลาที่มีการจัดรายการส่งเสริมการขายและกิจกรรมรูปแบบต่างๆ นั้น ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้ร้านค้าในศูนย์มียอดขายเพิ่มขึ้น 20 % และดึงคนเข้ามาเดินในศูนย์เพิ่มขึ้น 10% ซึ่งในปี 2551 ที่มีการปรับภาพลักษณ์ใหม่และรีโนเวตพื้นที่ต่างๆ ทั้งศูนย์ มีแผนใช้งบการตลาด 300 ล้านบาท นำกลยุทธ์ IMC (Integrated Marketing Communication) การสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับลูกค้า และการสื่อสารครบทุกช่องทาง ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะเน้นใช้สื่อโทรทัศน์เป็นหลัก โดยมีภาพยนตร์โฆษณา, นิตยสาร, หนังสือพิมพ์ ตลอดจน In-house Media ควบคู่กับการจัดรายการส่งเสริมการและกิจกรรมในพื้นที่ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายรับทราบภาพลักษณ์ใหม่ตลอดปี 2551

โดยจะมีการปรับรูปแบบกิจกรรมให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับภาพลักษณ์ใหม่ The Natural-Metro Shopping Park มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน พร้อมกันนี้จะมีการเพิ่มความถี่ในการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ In-door ประกอบกับได้มีการรีโนเวตพื้นที่ด้านหน้าศูนย์เป็นลานกิจกรรมกลางแจ้ง ใน Forest Park ที่สามารถรองรับกิจกรรมได้หลากหลายรูปแบบ พร้อมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดอีเว้นท์ใหญ่ระดับประเทศ อาทิ ร่วมกับบริษัทอาร์เอส. จัดกิจกรรมต้อนรับการแข่งขันฟุตบอลยูโร ระหว่างวันที่ 4-29 มิถุนายน 2551 และ ร่วมกับกรมประมง จัดงาน “วันประมงน้อมเกล้า” ระหว่างวันที่ 4-13 กรกฎาคม 2551 ซึ่งในปี 2551 วางแผนจัดกิจกรรมประมาณ 50 กิจกรรม

พร้อมกันนี้ได้จัดแคมเปญ “Future Park Summer Sparkling” โดยร่วมกับร้านค้ากว่า 200 ร้านค้าภายในศูนย์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, โรบินสัน และบิ๊กซี ลดราคาสินค้า 10-70% พร้อมลุ้นรับรางวัลแพ็คเกจทัวร์บาหลี และของรางวัล มูลค่ารวม 1,800,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม – 6 เมษายน 2551 เพื่อสมนาคุณลูกค้า พร้อมกระตุ้นและตอกย้ำภาพลักษณ์ใหม่ The Natural-Metro Shopping Park ด้วยแฟชั่นโชว์กลางสวนป่า (Forest Park) 3 วัน (28, 29 และ 30 มีนาคม 2551)

“จากการใช้งบประมาณ 800 ล้านบาท ปรับภาพลักษณ์และรีโนเวตพื้นที่ใหม่ทั้งหมด ตลอดจนงบการตลาด300 ล้านบาท ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่ไม่หยุดนิ่งของลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ จะทำให้ศูนย์การค้ามียอดรายได้โตจากปี 2550 (1,170ล้านบาท) 8-10% และดึงคนมาใช้บริการเพิ่ม 20% อย่างแน่นอน” นางสาวพิมพ์ผกา กล่าวปิดท้าย

ปี2552

ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต จุดนัดพบของธรรมชาติ ความล้ำสมัยและคุณ (The Natural – Metro Shopping park) ประกาศนโยบายรับปี 2552 ขยายผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงาน ภายใต้โครงการ Future Park Goes Greener เพื่อสร้างแบรนด์รอยัลตี้ ในรูปแบบโปรโมชั่นและกิจกรรม

พิมพ์ผกา หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด เปิดเผยว่า “ในปีนี้ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ได้ดำเนินโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงาน ภายใต้โครงการ Future Park Goes Greener ทั้งสิ้น 3 โครงการ คือ ปลูกป่า, รีไซเคิล และประหยัดพลังงาน โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงาน ทั้งภายในศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และบริษัทรังสิตพลาซ่า จำกัด ซึ่งกิจกรรมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้แก่ การปลูกป่าในพื้นที่เสื่อมโทรม ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2544 กับโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบปีที่ 50 ณ พื้นที่ปลูกป่า อ. บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ป่าไม้ตามแนวระราชดำริ อ.พบพระ จ.ตาก รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 8 ปี ปลูกป่าได้ทั้งสิ้นจำนวน 1,250 ไร่ และแจกกล้าไม้ทุกปี รวมจำนวน 871,081 ต้น ส่วน ฟิวเจอร์พาร์คร่วมใจแยกขยะ เริ่มตั้งแต่ปี 2545 ด้วยตระหนักถึงปริมาณขยะจำนวนมาก ในศูนย์การค้าฯ ที่จะส่งผลกระทบต่อระบบสิ่งแวดล้อมโดยรอบและบริเวณใกล้เคียง เพื่อลดปริมาณขยะภายในศูนย์การค้าฯ พร้อมจัดตั้งตลาดนัดรีไซเคิล เพื่อเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายขยะให้กับร้านค้า และ กิจกรรมประหยัดพลังงาน แบ่งเป็นระบบแสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ และน้ำ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อมลภาวะและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ

“สำหรับแผนการดำเนินงาน ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในปี 2552 นอกจากการดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่องแล้วฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต มีแผนการขยายผลดำเนินงานทางด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการ Future Park Goes Greener เข้าสู่กลุ่มของพนักงานและลูกค้า โดยเน้นการปลูกฝังให้เห็นความสำคัญและใส่ใจในสิ่งแวดล้อมให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักสำคัญอีกประการหนึ่งของศูนย์การค้าที่จะดูแลสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์พลังงานซึ่งได้กำหนดเป็นส่วนหนึ่งของ Vision องค์กร คือ เราจะเป็นมืออาชีพในธุรกิจพัฒนา และบริหารอสังหาริมทรัพย์ ประเภทค้าปลีก หลากหลายรูปแบบ ที่ใส่ใจลูกค้า คู่ค้า สังคม สิ่งแวดล้อม (The Retail Professional That You Can Trust) อาทิ การปลูกป่า กับโครงการฟื้นฟู

ระบบนิเวศน์ป่าไม้ตามแนวระราชดำริ 150 ไร่ จำนวน 30,000 ต้น แจกกล้าไม้ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาทุกปีๆละ 80,000 ต้น เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยสวนป่า Forest Park ให้ความรู้กับลูกค้าและประชาชนทั่วไปด้วยนิทรรศการประหยัดพลังงานตลอดจนกิจกรรมของศูนย์การค้าที่มุ่งเน้นและแทรกการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม โดยทั้งหมดได้ตั้งเป้าหมายว่า ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต จะต้องเป็นศูนย์การค้าที่ลูกค้าจดจำได้ว่าเป็นศูนย์การค้าที่ให้ความสำคัญและใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง”

“และในช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยนโยบายด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต จึงเน้นในเรื่องกิจกรรมสร้างความสนุกสนาน และการตกแต่งบรรยากาศรับเทศกาลเฉลิมฉลอง ด้วยการตกแต่งบรรยากาศภายใต้คอนเซ็ปต์การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยผสมผสานความเป็น Green และเพิ่มความสนุกสนานรื่นเริงในรูปแบบของเทพนิยาย เพื่อให้มีอารมณ์ความสนุกมากขึ้นภายใต้ชื่อ The Miracle of Happiness 2009 โดยได้จัดทำต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่สูง 15 เมตร พร้อมแต่งเติมสีสันใส่ความเป็น Green @ Heart ลงบนต้นคริสต์มาส ซึ่งลายล้อมไปด้วยตัวการ์ตูนแบบต่างๆ ในเทพนิยาย พร้อมประดับประดาด้วยดวงไฟสีต่างๆ ตั้งไว้บริเวณลาน Alive Park ด้านหน้าศูนย์การค้าฯ ให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปได้ร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาลดังกล่าว ซึ่งรายละเอียดและส่วนประกอบต่าง ๆ ของต้นคริสต์มาสทั้งหมด ผลิตจากวัสดุธรรมชาติและวัสดุเหลือใช้จำพวกไม้ ย่อยสลายง่ายไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม”

“สำหรับทิศทางการตลาดในปี 2552 ได้เตรียมแผนการตลาดด้วยงบประมาณ 300 ล้านบาท โดยมุ้งเน้นกลยุทธ์ Brand Loyalty คือการสร้างความภักดีให้เกิดขึ้นในใจของกลุ่มลูกค้า ทั้งรูปแบบของโปรโมชั่นและกิจกรรม อาทิ การจัดรายการโปรโมชั่น เชิญพันธมิตรในศูนย์ทั้งร้านค้า และ Magnet ร่วมมือลดราคาอย่างจริงใจ จริงจัง เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงจะมี Loyalty Program พิเศษ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี ถือเป็นการสร้าง Brand Loyalty ให้ก่อเกิดกับลูกค้าประจำ พร้อมจัดกิจกรรม Talk of The Town ตลอดจนเสนอตัวเป็นบริษัทรับจ้างบริหารงานอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง” พิมพ์ผกา หวั่งหลี กล่าว

นอกจากจะใส่ใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้ว ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ก็ยังไม่ลืมที่จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่มาจับจ่ายใช้สอย และใช้บริการภายในศูนย์การค้าฯ อย่างแน่นอน !

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พารค์รังสิต 


No comments: