การพยายามผลักดันให้มหา'ลัยไทย ก้าวสู่การเป็นมหา'ลัยติดอันดับระดับโลก (Academic Ranking of World Universities :ARWU) โดยพยายามแบ่งเป็นกลุ่ม ให้มีกลุ่มมหาวิทยาลัยที่เรียกว่า "มหาวิทยาลัยวิจัย"
World Rank | Institution* | Country /Region | National Rank | Total Score | Score on |
---|---|---|---|---|---|
1 | Harvard University |
1
|
100
|
100
| |
2 | Stanford University |
2
|
72.6
|
40
| |
3 | University of California, Berkeley |
3
|
71.3
|
67.8
| |
4 | Massachusetts Institute of Technology (MIT) |
4
|
71.1
|
68
| |
5 | University of Cambridge |
1
|
69.6
|
79.1
| |
6 | California Institute of Technology |
5
|
62.9
|
47.8
| |
7 | Princeton University |
6
|
61.9
|
52.9
| |
8 | Columbia University |
7
|
59.8
|
66.1
| |
9 | University of Chicago |
8
|
57.1
|
60.9
| |
10 | University of Oxford |
2
|
55.9
|
51.8
|
(อ้างจาก http://www.shanghairanking.com/ARWU2013.html)
แต่ถ้าดูอันดับกันจริง ๆ จะเห็นว่า มหาวิทยาลัยวิจัย ที่เป็น "Elite Research University" จริงๆ นั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน และที่สำคัญการเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำระดับแนวหน้านั้น มีต้นทุนที่สูงในการลงทุนและรักษาระดับการเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก จึงปรับการบริหารจัดการหรือ แปรรูปมหาวิทยาลัยให้เป็นเหมือนบริษัท มากกว่าที่จะบริหารให้เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ(ม.ที่เป็นส่วนราชการ แบบบ้านเรา) หรือ อยู่ในกำกับของรัฐ
และในโลกความจริงไม่ว่ามหาวิทยาลัยกลุ่มไหนก็ตามในทั้ง 4กลุ่ม (แบ่งแบบประเทศไทย) ก็ต้องทำวิจัยทั้งนั้น และมหาวิทยาลัยวิจัยจะมีความคุ้มค่า จริงหรือ ที่จะพยายามไต่อันดับไปสู่ระดับโลก ด้วยพื้นฐานการพัฒนาที่แตกต่างกัน และภายใต้การกำกับดูแลจากองค์กรทางการศึกษาของรัฐ ที่ มองมหา'ลัยไทย แบบร้าน 7-11 ต้องเหมือนกันหมด จะต่างก็อยู่ที่ ทำเลที่ตั้งและสินค้าที่ให้บริการตามพื้นที่ (เหมือนเช่น มหา'ลัยวิจัย, มหา'ลัย 4 ปี, วิทยาลัยชุมชนฯลฯ) ทั้ง ๆ ที่ " One Size Does not Fit All"
Kelly, Devin, & James. (2007)ได้กล่าวถึงหลักการเป็นมหาวิทยาลัยเฟิร์สคลาส
9 ประการ ใน “Statement
on the scholarship of teaching and learning in the University of Melbourne and
a reference guide to good practice” ว่าประกอบด้วย
1)
การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ และการสร้างการตื่นตัวในการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
2)การสร้างความเข้มข้นในการค้นคว้าวิจัย และศึกษาหาความรู้เพื่อส่งต่อและเผยแพร่วัฒนธรรมนี้ไปสู่การเป็นกิจกรรมปกติสำหรับการเรียนการสอน
3) การสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับสังคม และสภาพแวดล้อมที่เป็นบริบทแห่งการเรียนรู้
4) การเรียนรู้จากวัฒนธรรมที่หลากหลายจากนานาชาติ
5)
การมีความชัดเจนในการช่วยเหลือสนับสนุนบุคลากรในการพัฒนาต่อยอดในการเรียนรู้
6)
การสร้างความชัดเจนในมาตรฐาน รวมถึงการคาดหวังในการเรียนรู้
7) การมีวงจรการเรียนรู้ ค้นคว้า และทดลองที่ครบถ้วนสมบูรณ์
8)
การมีสถานที่ที่มีคุณภาพสูงเพื่อการเรียนรู้ แหล่งสนับสนุนและเทคโนโลยี
และ 9)
ความเหมาะสมของหลักสูตร
หากพิจารณาตาม 9 ข้อข้างต้น มหา'ลัย ก็น่าจะสามารถก้าวสู่มหา'ลัยระดับชั้นนำของโลกได้
แต่ต้องเปลี่ยนวิธีบริหารและควบคุมนโยบายการศึกษาในระดับอุดมศึกษาใหม่ ไม่บริหาร "อุดมศึกษาแบบ ร้าน 7-11" ขณะที่ร้าน 7-11 ยังมีการบริหารที่พัฒนามากกว่า เพราะสามารถไปซื้อ ห้างแมคโคร ที่เป็นระดับโลกได้
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษาอิสระ
รางวัลนักทรัพยากรมนุษย์ดีเด่นแห่งประเทศไทย ปี 2552 ประเภทนักวิชาการและที่ปรึกษา
ผู้อำนวยการโครงการ Human Capital
ผู้อำนวยการโครงการ Human Capital
วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันพระปกเกล้า
No comments:
Post a Comment