การวิจัยและพัฒนา หรือ ที่เรียกว่า R&D เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ ในการสร้าง นวัตกรรมใหม่ ๆ หรือ องค์ความรู้ใหม่ ในบ้านเราการวิจัยทางการศึกษาจะรู้จักกันคือ "The Borg Model" ซึ่งพัฒนาโดย Borg & Gall (1971) หาต้นฉบับอ่านได้ค่อนข้างยาก (มีแต่อ้างต่อ ๆ กันมา)
อีกโมเดล คือ "The Hood Model" พัฒนาโดย Hood ในปี 1973 (อันนี้ยังพอหาต้นฉบับอ่านได้ครับ
ส่วนโมเดลสุดท้ายนิยมใช้กันพอสมควร โดยเฉพาะ การสร้างนวัตกรรมในเทคโนโลยีทางการศึกษา ผู้เขียนยังเห็นมีการใช้ในด้าน "การพัฒนาหลักสูตรใหม่" ด้วย เรียกว่า "Four-D Model : A Model for Instructional Development" พัฒนาโดย Thiagarajan และคณะ (1974)
ขณะเดียวกันในภาคปฏิบัติ หรือ Practical R&D Model ผู้เขียนสังเคราะห์ใหม่ จากประสบการณืในการทำวิจัย R&D และการดูแลดุษฎีนิพนธ์ ของ นศ.ป.เอก
ผู้เขียนแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้ครอบคลุม กระบวนการวิจัยทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน
ระยะที่ 1 R1D1 เป็นระยะของ Pre-Study คือเริ่มทำการทบทวนวรรณกรรม เพื่อทำ Concept paper ผู้เขียนมองว่า ควรจัดทำในรูปแบบการวิจัย ในลักษณะ "Documentary research" ( "R1") ดีกว่าการทำแค่ทบทวนวรรณกรรมหรือ การศึกษาเอกสารและงาานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
เช่น การพัฒนาโมเดล "โรงเรียนนวัตกรรม"
สร้างรูปแบบการพัฒนาครูพันธ์ุใหม่ที่สอดคล้องกับทักษะของ นร.ในศตวรรษที่ 21
การพัฒนาพาราไดม์ผู้ประกอบการสถานศึกษาแบบมืออาชีพ(Professional Edupreneur-Education+Entrepreneur)
การสร้างระบบวัดความสำเร็จของความเป็นผู้นำเชิงกลยุทธรูปแบบใหม่ (Creating New Moedl of Strategic Leadership Scorecard)
พัฒนากลยุทธใหม่ - Deveolping Disruptive Innovation Strategy for A New University
ฯลฯ
หลังจากนั้น พัฒนาขึ้นมาเป็นแนวทางหรือ ร่างต้นแบบ- "Draft Prototype" เพื่อนำไปยืนยันกับ ผู้เชี่ยวชาญ หรือ ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ "Draft Prototype" (D1) ที่สมบูรณ์ก่อนจะนำไปสู่ ขั้นตอนต่อไป
ระยะที่ 2 R2D2 เป็นการนำร่างต้นแบบ ไป ศึกษาวิจัยในขนาดเล็ก " R2" เพื่อให้ได้ "Prototype" หรือ ผู้เขียนเรียกว่า "Predicted Prototype" เช่น นำไป ทำ "Pilot site" "Feasibility study" "Focus group"
หลังจากนั้นจึงปรับและพัฒนาเป็น "Prototype" ("D2")
ระยะที่ 3 R3D3 เป็นขั้นตอนสุดท้าย คือการขยายผลโดยนำ "Prototype" มาทดสอบด้วยการทำวิจัยในขนาดใหญ่ (R3) อาจทำได้ทั้งวิจัยเชิงปริมาณ หรือ เชิงคุณภาพ
วิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผล ใน สารสนเทศที่ได้ (เกือบจะเป็นความรู้ใหม่) ไปทำการยืนยันโดยใช้ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ จำนวน16 คน (ตามหลักของเทคนิคเดลฟาย) (D3)
พอดำเนินการสรุปผลวิจัย และอภิปรายผล จึงได้ "ความรู้ใหม่ในต้นแบบ" ที่วิจัยหรือ ศึกษามาตั้งแต่เริ่มแรกในระยะที่ 1
บางที่ อาจจะแยก ส่วนท้ายตรงนี้มาเป็น ระยะที่ 4 Conclusion & Discussion ก็ได้ คือ การสรุปและอภิปรายผล (แล้วแต่เงื่อนไขของสถาบัน) ส่วนผู้เขียน ไม่ติดรูปแบบการวิจัยแบบดั้งเดิม ที่ต้องมี 5 บท บางที่ ยังเขียนรายงานการวิจัยในลักษณะ "Creative Research Report หรือ Commercial Research Report" (ในรูปแบบ พ็อกเก็ตบุ๊คกึ่งวิชาการ)
เป็นไปตามสัญญาว่าจะอธิบาย รูปแบบกระบวนการวิจัยและพัฒนา ที่เรียกว่า "R&D Model"
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษาอิสระ
รางวัลนักทรัพยากรมนุษย์ดีเด่นแห่งประเทศไทย ปี 2552 ประเภทนักวิชาการและที่ปรึกษา
ผู้อำนวยการโครงการ Human Capital
ผู้อำนวยการโครงการ Human Capital
วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันพระปกเกล้า
No comments:
Post a Comment