November 2, 2008

ดร.ดนัย เทียนพุฒ อธิบายความแตกต่างระหว่าง HRD และ HRM

คำถาม : อาจารย์ดนัยคะขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ มีหัวข้อหนึ่งที่อาจารย์กรุณาเสนอแนะมาเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง HRD และ HRM เป็นเรื่องที่ดิฉันสงสัยอยู่ค่ะ อาจารย์ช่วยกรุณาอธิบายความแตกต่างคร่าว ๆ ได้ไหมคะ
โดย: มณีรัตน์
ตอบ:คุณมณีรัตน์ผมคงไม่บอกว่าจะวิจัยอะไรตรง ๆ(โดยมารยาท) แต่จะบอกสิ่งที่เป็น Phenomenaให้ครับในเมืองไทยมีความแปลกมากที่พยายามจะแยกงานHRM & HRD ออกจากกันอย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะในด้านแนวคิดเช่น HRD จะเป็นเรื่อง การพัฒนารายคน หรือฝึกอบรมการพัฒนาอาชีพ และพัฒนาองค์กรแต่ทั้ง 3 งาน ไม่สามารถทำด้วย HRD ได้จะต้องทำผ่าน HRMมากกว่า 50% และที่สับสนมาก ๆ คือฝ่าย HRD จะพยายามทำเรื่อง PM ซึ่งไม่ใช่งาน HRD และ HR ก็ทำเองไม่ได้เพราะเป็นงานระดับกลยุทธองค์กรและ
ปัจจุบันในต่างประเทศพัฒนาเป็น CPM -Corporate Performance Management Officeยิ่งการที่ HR- HRD เมืองไทยไปสนใจ Engagement ยิ่งเป็นการหลงทางเพราะฝรั่งกับไทยเป็นคนละ Conceptแต่ถ้าเป็นฝ่าย HR ที่รวมเรื่องทั้งหมดนี้ไม่แยกงานเป็น HRM & HRD จะไม่มีปัญหาหรือมีน้อยการบริหารคนไม่ใช่เรื่อง Engagement แต่เป็น การInvestmentขณะที่ งานด้านHR โดยเฉพาะ HRM ในด้าน การให้ Line ปฏิบัติด้าน HR หรือ Outsource มีพัฒนาไปมากกว่าการเป็น PNL Admin(ธุรการงานบุคคล)สุดท้าย HR สมัยใหม่ จะป็น HC (HUMAN CAPITAL)ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผม ได้มาจาก การทำ In-Depth Interview กับผู้บริหารฝ่าย HR แต่ต้องศึกษาเพิ่มครับดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

คำถาม : อาจารย์ดนัยคะ'มณีรัตน์' กลับมาอีกครั้งค่ะ รายงานสองตัวที่ต้องส่งภายในอีกสองวันนี้ได้ทำเสร็จแล้ว และก็คิดว่าได้หัวข้อวิทยานิพนธ์ที่สนใจแล้วค่ะ ดิฉันมีความคิดอยากจะทำในเรื่อง HR strategy กับ Knowledge workers ค่ะ คงเป็นไปในทำนองว่าบริษัทมีวิธีการอย่างไรในการบริหารคนที่มีความสามารถ สิ่งที่ยังไม่แน่ใจคือว่า จะทำในภาพรวมกว้าง ๆ เกี่ยวกับการบริหารบุคคลเหล่านี้ ซึ่งหมายถึงตั้งแต่ recruit, attract, retain, and manage หรือว่าจะเจาะลึกในด้านด้านหนึ่ง เช่น การรักษาบุคคลเหล่านี้ไว้คิดว่าต้องส่งหัวข้อไปก่อน หลังปิดอีสเตอร์มีรายงานและสอบอีกหลายตัว หลังจบเรื่องเหล่านี้ จึงจะมีเวลาคิดเรื่องวิทยานิพนธ์อย่างจริงจัง
โดย: มณีรัตน์
ตอบ:คุณมณีรัตน์HR Strategy เป็นเรื่องที่พูดกันมาก แต่การLinkage กับกลยุทธองค์กรทำได้ค่อนข้างยาก หรือทำให้ดีได้ยากแต่ถ้าสนใจทำ อยากให้ศึกษาหนังสือ ของ Dave Ulrich โดยเฉพาะ เล่มล่าสุดThe HR Value Proposition: A Blueprint for the Future of HRส่วน Knowledge worker น่าสนใจครับอาจจะตรงกระแส Talent Mgt พอดี ซึ่งมาจาก 2 แนวคิดคือ Drucker ที่เป็นคนแรกที่ได้พูดเรื่องนี้ กับ Talent ที่ในต่างประเทศมองว่าเป็น A New trends of HR ซึ่งสับสนระหว่าง องค์ความรู้หลัก (HR Concept) กับรอง ( Career planning & Succession plan)หลังจากนั้นจะเห็นแนวทางครับว่า จะทำอะไรดียินดีด้วยที่งานสำเร็จไปบางส่วน และ อีสเตอร์เป้นอะไรที่ดีครับ ได้ทั้งไข่และช็อกโกแลต และหยุดยาว
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

กำลังหาหัวข้อทำวิทยานิพนธ์อยู่ค่ะ

คำถาม : กำลังหาหัวข้อทำวิทยานิพนธ์อยู่ค่ะ
เรียนอาจารย์ดนัยตอนนี้กำลังหาหัวข้อทำวิทยานิพนธ์อยู่ค่ะ ทราบว่าอาจารย์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Balanced Scorecard อาจาย์พอจะแนะนำประเด็นที่จะมาพัฒนาเขียนเป็นวิทยานิพนธ์ได้ไหมคะ หรืออาจจะเป็นเรื่อง HR ด้านอื่น ๆ ที่เมืองไทยต้องการผู้รู้และน่าสนใจศึกษาก็ได้ค่ะ งานวิจัยนี้ ดิฉันต้องการศึกษาจากเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ และศึกษาจาก case studies โดยไม่ใช้การวิจัยเชิงปริมาณ เช่น สัมภาษณ์หรือสร้างแบบสอบถาม เพราะการจะทำเช่นนั้นในต่างประเทศ คงไม่ง่ายเนื่องจากเราไม่มีคนรู้จักมากพอ ขอบคุณล่วงหน้าอีกครั้งค่ะ
โดย: มณีรัตน์
ตอบ ประเด็นเรื่องการทำ Thesis ในระดับปริญญาโทส่วนใหญ่จะเน้นลักษณะการนำแนวคิด หรือ ทฤษฎี ไปปฏิบัติ ดังนั้น การทำวิจัยในเชิงปริมาณจึงเป็นทางออกที่ง่ายขณะที่ความท้าทายใหม่คือการ Create ในสิ่งที่เรียกว่าParadigm , Principle , Model ซึ่งจะอาศัยการวิจัยเชิงคุณภาพ หรือ Mixed Research Methodology ซึ่งจะยากกว่าวิธีแรก แต่น่าสนใจกว่าปัจจุบัน ในทางธุรกิจ นิยมการศึกษา Case Study มากขึ้นแต่ต้องเข้าใจว่าหาก ใช้การวิจัยที่เป็นรูปแบบผสมจะดีกว่าและถ้าศึกษาในเมืองไทยก็น่าสนใจเพราะยังมีอะไรที่น่าศึกษาอีกมากประเด็นที่น่าทำวิจัย
1.ผมคิดว่าน่าจะศึกษาต่อในเรื่อง Intellectual Capital Management เนื่องจากมีน้องคนหนึ่งเรียนที่ Cass Business School -UK ชื่อMaleeya Jotisakulratana ทำวิจัยเรื่องนี้"The Development of Intellectual Capital Management in Research and Organization in Thailand " ( August 2006)โดย ทำการสัมภาษณ์ 2 หน่วยงานในประเทศไทย และสัมภาษณ์ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญและทำ Dissertation ด้านนี้ผมเห็นว่าน่าจะศึกษาต่อในเชิงของการนำไปปฏิบัติเพราะมีข้อมูลมากอยู่แล้ว
2.ในด้าน HR ของเมืองไทย ผมเห็นว่ามีความสับสนที่ท้าทายต่อการศึกษา เช่น-ในพัฒนาการระหว่าง Role & Function ที่จะรองรับการเป็น Strategic Player หรือ Strategic capabilities Unit
-ความแตกต่างระหว่าง HRD & HRM , HC
-เครื่องมือใหม่ ๆ ด้าน HR เช่น PM , LM , TM , HR Scorecard , Competency Based Approach in HRMเหล่านี้ในเมืองไทยไม่มีรูปแบบในทางปฏิบัติซึ่งเป็นที่ยอมรับ
-จุดอ่อนมากที่สุดของการวิจัยของนักศึกษาไทยในระดับปริญญาโทเมืองไทยยังคงเลือกศึกษาเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ ซึ่งเป็นเพียง Image building จึงมีพัฒนาการขององค์ความรู้ด้าน HR ที่น้อยเพราะไม่ Practical หรือ ดุความสัมพันธ์ของตัวแปรด้านภูมิหลังกับความสำเร็จด้านHR ฯลฯ ซึ่งน่าจะเลิกศึกษาได้แล้ว
3.ถ้าสนใจด้าน HR อาจลองคิด หัวข้อดูว่าจะร่วมในโครงการวิจัยด้าน HR กับทางทีมผมได้ไหมเพราะกำลังทำ Proposal ที่จะศึกษา " ทิศทางและความท้าทายใหม่ของ HRM 2020 " เนื่องจากเป็นงานที่ผมทำต่อเนื่องจากเคยศึกษาด้านHR ของเมืองไทย โดยคาดการณ์ไว้ 10ปี (2540-2550)
4.เรื่อง BSC & KPIs เป็นสิ่งที่ผม ริเริ่มในเมืองไทยก่อนที่จะมีใครได้รู้จัก และไม่ได้ทำตาม Kaplan & Norton ทั้งหมดใช้เพียงแนวคิดเท่านั้น และพัฒนารูปแบบให้ธุรกิจไปใช้ถ้าอยากศึกษาจริง ๆ ลองทำเป็น Case study ว่า
-ผม เริ่มนำรูปแบบของ Kaplan ไปใช้อย่างไรในระยะที่ 1 ประมาณ1-3 ปี
-พอระยะที่สองเมื่อ Kaplan ออกเล่ม 2 มา เป็นช่วงที่ผม Run ในเมืองไทยแล้วซึ่งสอดคล้องกับ เล่ม 2 พอดี
-ระยะที่ 3 ผมมีวิธีการทำ Strategy map & Corporate KPI ในรูปแบบเฉพาะของผม แต่ประสิทธิภาพ ไม่ต่างจาก Kaplan และ นำไปสู่การวัดด้วย KPIs ได้ตลอดทั้งองค์กร
-ระยะที่ 4 ผมพัฒนาระบบ KPI Scoring ขึ้นมาซึ่งในKaplanไม่มีเพราะ ผมเชี่ยวชาญด้าน HR มาก่อนที่จะทำด้าน Strategic Managementลองคุยกับทาง Advisor ดูถ้าทำได้ผมยินดีให้การสนับสนุน หรืออาจจะหาหนังสือ ผมอ่านก่อนก็ได้ยินดีที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดครับ
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

คำถาม : อาจารย์ดนัยคะไม่ทราบจะขอบพระคุณยังไงสำหรับคำแนะนำดี ๆ แต่เนื่องจากดิฉันมีข้อจำกัดในการทำวิทยานิพนธ์ครั้งนี้อยู่ที่ว่า ดิฉันคงไม่ได้กลับไปทำงานค้นคว้าที่เมืองไทย ฉะนั้นคงเข้าถึงเอกสารต่าง ๆ ของทางเมืองไทย โดยเฉพาะของอาจารย์ไม่ง่ายนัก ทำให้ไม่สามารถศึกษาเรื่อง HR ทางเมืองไทยได้โดยตรง ที่ทำได้คงเป็นเพียงการศึกษา case studies ต่าง ๆ จากเอกสารงานวิจัยทางนี้ แท้จริงแล้วดิฉันสนใจในสิ่งที่อาจารย์ริเริ่มในเรื่อง BSC ของเมืองไทย โดยเฉพาะในแง่มุมที่แตกต่างจาก Kaplan & Norton และดิฉันก็สนใจที่จะทำงานร่วมกับทีมวิจัยของอาจารย์มากค่ะ แต่การจะทำเช่นนี้ คงต้องมีการอ่านงานของอาจารย์ และขอคำแนะนำจากอาจารย์เพิ่มเติม ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดด้านเวลาที่ดิฉันต้องส่งหัวข้อวิทยานิพนธ์ภายในสิ้นเดือนนี้ เพราะจะมีการกำหนดที่ปรึกษาให้ในช่วงปิดอีสเตอร์ กอปรกับดิฉันยังมีรายงานชิ้นใหญ่อีกสองชิ้นที่ต้องส่งในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้การกระทำเช่นนี้เป็นไปได้ยาก ตอนนี้รู้สึกยังมืดแปดด้านค่ะ แต่กำลังพยายามศึกษาเกี่ยวกับ BSC อยู่ค่ะ หากอาจารย์มีคำแนะนำเพิ่มเติม จักขอบพระคุณมากค่ะ
โดย: มณีรัตน์

คุณมณีรัตน์
ลองจัดลำดับงานที่จะทำและคิดว่าอะไรจะเป็นไปได้มากที่สุด ....แล้ว ลุยเลยครับ.....ยอมเหนื่อย ให้เต็มที่ไว้ค่อยสบายในภายหลัง
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

ไขปัญหาคาใจ ธุรกิจ การจัดการ บริหารคน และ การวิจัย

เนื่องจากในแต่ละวันมีผู้ที่สอบถามและสนทนากับผู้เขียนผ่านทาง Blog และ email หรือ โทรศัพท์ขอคำแนะนำ ผม (ดร.ดนัย เทียนพุฒ ) เห็นว่าถ้านำคำถามที่ถามมา Post และตอบเสร็จอยู่ในแต่ละ Post น่าจะสนใจกว่าที่จะถามตอบตามแต่ละความคิดเห็น หรือ บางคนก็ไม่สดวก ที่จะลงทะเบียน เพราะต้องการเข้ามาอ่าน หรือ Update ตัวเอง ดูความเคลื่อนไหวของชาวเน็ต

@ สวัสดีค่ะ ตอนนี้หนูกำลังทำวิทยานิพนธ์เพื่อศึกษาเรื่อง โมเดลการวัดทุนทางปัญญาด้านเทคโนโลยี (Technological Capital) แต่ไม่ค่อยมีแหล่งข้อมูลในการค้นคว้า อาจารย์พอจะแนะนำได้หรือไม่คะ สิ่งที่หนูต้องการหาคือดัชนีชี้วัดทุนทางปัญญาด้านเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับองค์กรในประเทษไทย และทุนทางปัญญาอะไรบ้างที่จัดอยู่ในประเภททุนทางปัญญาด้านเทคโนโลยี ค่ะ รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยค่ะขอบคุณค่ะ
โดย: นู๋จัน
ตอบนู๋จัน
1.ที่จริงในเมืองไทยมีการทำเรื่องนี้แล้วครับโดย AIT รังสิต พร้อมฑำ Report Online, Topic:Exploration of Intellectual Capital in Public Research Organization in Developing Countries : The Case of Thailand.ลองค้นทางอินเตอร์เน็ต เท่าที่ผมเคยอ่านคิดว่าใกล้เคียงหรือใช้ได้เลย2. Journal of Intellectual Capital น่าจะเป็นแหล่งที่ให้ข้อมูลด้านนี้ได้ตรงที่สุดครับ3. ต้องนิยามก่อนครับว่า Tech Capital นี้คืออะไร มีอะไรเป็นองค์ประกอบ จึงสามารถกำหนด KPIs วัดได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมพบจากกระบวนการวิจัยด้าน ICดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai ThieanphutD
DNT Consultants

@ เรียนอาจารย์ดนัยครับ ผมกำลังอยากจะหาความรู้เกี่ยวกับ การบริหารงานบุคคล โดยเฉพาะส่วนของงาน HRD ไม่ทราบว่าจะพอรวบรวมข้อมูลหรือแนวทาง แนวคิดได้ที่ไหนบ้างครับ จะเก้บไว้เป็นข้อมูลในการศึกษาต่อครับ อยากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงาน HR เห็นอาจารย์เก่งมากๆเลย
โดยแชมป์
ตอบ ในเรื่องของHRD ผมได้ศึกษาและสรุปพัฒนาการอันยาวนานของธุรกิจตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบันออกมาเป้น 5 ทฤษฎีในเรื่องนี้-ทฤษฎีแรกคือ ทฤษฎีดั้งเดิม เป็นการมุ่งพัฒนาคน ในองค์กรด้วยรูปแบบที่เป็นระบบ หรือใช้การส่งเสริมยุยงความรู้ (Fostering) หรือการส่งเสริมความรู้ (Training Promotion)-ทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์ แนวคิดนี้อยู่บนพื้นฐานขององค์กรแห่งการเรียนรู้ที่อาศัยพื้นฐานของการจัดการความรู้(KM)-ทฤษฎีชายขอบเป็นการพัฒนาแบบสุดขั้ว เน้นชุมชนแห่งการเรียนรู้ การพัฒนาแบบยั่งยืนหรือพยายามให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองจากการชี้นำของผู้นำกลุ่มหรือผ่านชุมชนซึ่งปฏิเสธโดยสิ้นเชิงกับแนวคิดของการสอน(Teaching)-ทฤษฎีเทคโน-มนุษย์มุ่งใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาคนชึ่งสุดท้ายจะกลายเป็นธุรกิจอัฉริยะ-ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ ที่มุ่งสู่เศรษฐกิจแห่งความรู้หรือนวัตกรรม ทั้งหมดนี้คือทฤษฎีการพัฒนาทุนมนุษย์หาอ่านในรายละเอียดได้จากหนังสือผมเรื่อง "การพัฒนามูลค่าทุนมนุษย์"
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

@ สวัสดีคะ ตอนนี้หนูกำลังทำปัญหาพิเศษเรื่อง ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีก ในเขตเทศบาล จ.สกลนคร เพราะในจ.สกลนครก็มีร้านค้าปลีกที่ใหญ่ๆอยู่ประมาณ 3-5 ร้าน อยากจะศึกษาในความสามารถในการปรับตัวของธุรกิจพวกนี้เมื่อ แมคโคร โลตัส บิ๊กซี มาลงที่จ.สกลนคร หนูอยากให้ช่วยบอกความแตกต่างของธุรกิจค้าปลีก กับค้าส่งและแบ่งออกเป็นกี่ประเภท และอย่าง แมคโคร โลตัส บิ๊กซี จัดเป็นธุรกิจประเภทอะไร หนูหาข้อมูลทาง net ก็ไม่มี หรือไม่ช่วยแนะนำหนังสือ หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง หรือข้อมูลปัญหาพิเศษที่เกี่ยวข้องที่เค้าเคยศึกษามาก่อนแล้ว ต้องขอขอบพระคุณอาจารย์ไว้ล่วงหน้าด้วยนะค่ะ กรุณาช่วยหนูหน่อยนะค่ะเพราะส่งอาจารย์ไปบทที่1ยังไม่ผ่ายเลยค่ะ
โดย: ปัญหาพิเศษ
ตอบ คำว่า Wholesaler VS. Retailerมีความหมายต่างกันซึ่งถ้าดูตามศัพท์ก็จะชัดอยู่แล้ว-Wholesale ค้าส่ง ซึ่งเป็นลักษณะ ของการค้าสินค้าที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ผลิต คนกลาง ทีเป็นผู้ค้ารายใหญ่ และผู้ซื้อที่เป็นร้านค้า เช่นกรณีของ Makro อย่างนี้จะเรียกว่า Wholesaler หรือ พวกยี่ปั๊ว-Retail หมายถึงการค้าขายกับผู้ซื้อรายย่อย หรือ retailer จะหมายถึงร้านค้าปลีก ที่ร้านค้าปลีกรับสินค้ามาจากผู้ค้าส่งหรือร้านค้าส่งมาขายให้คนทั่วไปซื้อ เช่น 7-11 หรือร้านโชห่วยขณะเดียวกันในทางธุรกิจค้าปลีกจะแบ่งเป็นประเภทดังนี้-Wholesaler หรือ Cash & Carry เช่นกรณี ของ Makro ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น-Supercenter or Discountstore ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนกัน โดยที่ในยุโรปจะเรียกว่า Hypermarket เช่น Carrefour แต่ในอเมริกาจะเรียกว่า ดีสเคาน์สโตร์ หรือ ซุเปอร์เซ็นเตอร์ เช่น Tesco (เป็น ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ) BigC (เป็นดีสเคาน์สโตร์)-DepartmentStore ก็ ห้างสรรพสินค้าที่เราเห็น ๆ กันนี่ละครับ-Mall จะเป็นลักษณะ ของ หลาย ๆ ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ในที่เดียวกัน และ มีส่วนพื้นที่รอบห้างด้วย บางที่จะเรียก พลาซ่า เช่น Central Plaza- Speciality Store or Category Killer เป็นร้านค้าปลีกเฉพาะด้าน เช่น HomePro Zen --Retailer เช่น 7-11( Convenience Store) Select (G-Store) DrugStore BookStore McDonald etc.จริง ต้องอ่านตำราด้าน Retail ครับถึงจะมีอย่างที่ผมเล่าให้ฟังข้างต้น
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai ThieanphutDNT Consultants

การเลือกหัวข้อที่จะทำ research

สวัสดีค่ะ พี่ดนัย

ก่อนอื่นหนูก็ต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ หนูชื่อ สุมนา ค่ะ เป็นนักศึกษาปริญญาโท สาขา วิศวะกรรมและการบริหารงานก่อสร้าง ช่วงนี้เป็นช่วงของการเลือกหัวข้อที่จะทำ research ซึ่งต้องส่งภายในสิ้นเดือนนี้ โดยประกอบด้วย หัวข้อที่ทำ, ความเป็นมาและปัญหา, วัตถุประสงค์, สิ่งที่จะได้จากงานวิจัย etc. เริ่มต้นหนูเองก็ค้นหาโดยการถามตัวเองว่าสนใจเรื่องอะไร จากนั้นหางานวิจัยที่ผ่านมา และเอกสารความรู้ต่างๆมาศึกษา บทสรุปก็คือ หนูสนใจเรื่องเกี่ยวกับ การจัดการกลยุทธ, การประเมิณองค์กร, พวกKPI, BSC เป็นต้น แต่ว่าหนูเองยังจับจุดไม่ถูกว่า กระแสในงานอุตสาหกรรมการก่อสร้างตอนนี้ สนใจเรื่องอะไรและยังขาดอะไรอยู่ เลยไม่รู้ว่าจะวิจัยไปแนวไหนดี เพราะหนูเองไม่เคยเข้าไปทำงานจริงๆภายในองค์กร เลยไม่ทราบว่ามันมีสิ่งไหนบ้างที่เกี่ยวข้องและเป็นปัญหาในการทำงานจากการที่หนูอ่านงานวิจัยของพี่ ทำให้หนูเกิด idea ว่าอยากจะเอามาประยุกต์ทำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พวกบ้านจัดสรร ซึ่งเป็นธุรกิจคล้ายๆงานอุตสาหกรรมทั่วๆไป ก็เลยอยากจะถามพี่ว่า ถ้าหากจะทำงานวิจัยเกี่ยวกับแนวที่ว่านี้ น่าจะวิจัยเกี่ยวกับเรื่องอะไรดีคะ

**********
คำตอบ
ผมเห็นว่าแนวทางที่เดินทางข้างต้นถูกต้องแล้วครับคือ-การอ่านหนังสือ หรือค้นคว้าในงานที่คิดว่าเป็นความสนใจจึงได้ข้อสรุปที่อยากทำวิจัย สิ่งที่ยังขาดอยู่คือ การศึกษาในธุรกิจที่จะทำการวิจัยดังนั้นจึงควรที่จะเข้าไปศึกษาในธุรกิจก่อสร้างก่อนครับลองดูแนวทางนี้ก่อนหลังจากนั้นจะได้เรื่องที่น่าจะทำการวิจัย ผมอยากให้ทำอย่างนี้ก่อนจึงจะพิจารณาหัวข้อวิจัยได้ดีครับ

ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNTConsultants
http://www.dntnet.com

Career & succession Planning:CSP

@ เรียน อ.ดนัย ชื่นชมอ.มานานติดตามอ่านหนังสือเกือบทุกเล่ม ไปอบรมด้วยหลายครั้ง แต่บางทีคิดตามที่อ่านในหนังสือไม่ค่อยเห็นภาพมากนักและบางครั้งจะนำมาใช้ในชีวิตการทำงานกลับไม่ค่อยเป็นระบบปัจจุบันเรียนปริญญาโทอยู่ มีคำถามว่าอ่านหนังสืออ.เรื่อง Career & succession Planning:CSP ซึ่งอยากถามดังนี้
1.Career Development ประกอบไปด้วย
-การวางแผนสายอาชีพ/การพัฒนาสายอาชีพ
-การประเมินผลการปฏิบัติงาน
-การฝึกอบรม ใช่หรือไม่และModel Succession Plan อยู่ในส่วนหนึ่งของการวางแผนสายอาชีพหรือเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผลการปฏิบัติงานค่ะ
2.อ่านหนังสืออ.บอกว่าCarrer Development=Career Paths จริงๆแล้ว Career เป็น Subset ของ Carrer Development ใช่หรือไม่
3.รบกวนอ.ช่วยอธิบายถึงการเชื่อมโยงให้ด้วยค่ะ
ขอบคุณมาก
นฤมล บุษบา , am_pod@yahoo


ตอบ เรียนคุณนฤมล ขอบคุณมากที่ติดตามผลงานของผมครับ
1.ในเรื่องของ อาชีพ (Career) นั้นจะมีความเป็นมาอย่างนี้ครับ
- Career Development (CD) หรือ การพัฒนาอาชีพ จะเป็นคำใหญ่ ซึ่งหมายรวมถึง การวางแผนอาชีพ (Career Planning) และ การบริหารอาชีพ (Career Management:CM )
2.ในหนังสือผมอธิบายคำเหล่านี้ไว้แล้ว คราวนี้ความนิยมมักจะเรียกว่า
- Career Planning &Development ซึ่งก็ใฃ้ในความหมายเดียวกับ Career Development ทั้งนี้ก็เพราะว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่ การวางแผนอาชีพ (Career Planning :CP) และใน CP จะมีการประเมิน ความสนใจในอาชีพ ประเมินบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับอาชีพ และ แรงจูงใจในอาชีพ ตลอดจนการให้คำปรึกษาทางอาชีพ
-CM จะเป็นเรื่องของการบริหารอาชีพ เช่น การประเมินศักยภาพ หรือในปัจจุบันก็คือความสามารถ ประเมินผลงาน การฝึกอบรมและพัฒนาตามสายอาชีพ และ การวางแผนสืบทอดตำแหน่ง (Succession Planning:SP )
-สำหรับ Career Path เป็นการวางสายอาชีพในองค์กร จะอยู่ใน CM ทำให้บางครั้งคนจะเรียกว่า " Career Planning & Career Path " ก็มี หรือ "Career Path & Succession Plan " เพราะเป็นสิ่งที่จะต้องทำร่วมกันครับ
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

@ อ.ช่วยตอบปัญหาของ ความหมายของการบริหารอาชีพ ประโยชน์การบริหารอาชีพ การแต่งตั้ง ขอความกรุณาอ.ดนัย ช่วยตอบเพื่อการทำรายงาน
นิภาพร ,toot@thaimaIl.com

ตอบ เรียนคุณนิภาพร ขอตอบสั้น ๆ การบริหารอาชีพจะเป็น เรื่องในระบบHR เช่นการประเมินบุคคล การทำแผนสืบทอดตำแหน่ง การพัฒนาพนักงานตามสายอาชีพ ถ้าจะให้ละเอียดขอให้ไปอ่านหนังสือผม เรื่อง การวางแผนอาชีพและแผนสืบทอดตำแหน่ง
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

@ ผมเป็นคนนึงที่อยากมีความรู้เพิ่มเติม ผมดีใจที่มีคนเก่งมาแบ่งปันความรู้ บางทีผมก็ไม่รู้จะศึกษาอะไร ผมจะมาอ่านบ่อยๆ
fern
ตอบ ยินดีครับที่จะเข้ามาร่วมเรียนรู้และเมื่อศึกษามากขึ้นก็จะมีแนวคิดที่อยากจะสอบถาม หรือ แลกเปลี่ยนซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาความรู้ให้มากขึ้นและยังจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นอีกด้วยครับ
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

การบริหารงานกับนิทานตาบอดคลำช้าง

เนื่องจากในแต่ละวันมีผู้ที่สอบถามและสนทนากับผู้เขียนผ่านทาง Blog และ email หรือ โทรศัพท์ขอคำแนะนำ ผม (ดร.ดนัย เทียนพุฒ ) เห็นว่าถ้านำคำถามที่ถามมา Post และตอบเสร็จอยู่ในแต่ละ Post น่าจะสนใจกว่าที่จะถามตอบตามแต่ละความคิดเห็น หรือ บางคนก็ไม่สดวก ที่จะลงทะเบียน เพราะต้องการเข้ามาอ่าน หรือ Update ตัวเอง ดูความเคลื่อนไหวของชาวเน็ต

@ เรียนถามท่าน ดร.ดนัย ครับผม
อยากทราบความคิดเห็น การบริหารงานกับนิทานตาบอดคลำช้าง ท่านเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย อธิบายโดยละเอียด ให้ผู้โง่เขลาทราบด้วยครับผม กราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูง มา ณ ที่นี้ ครับผม
ตอบ ในเรื่องของตาบอดคลำช้างถ้าจะพูดไปแล้วเป็นการอุปมาอุปไมยครับหมายความว่า
1.คนเรานั้นมีภูมิหลัง การศึกษาและประสบการณ์ที่แตกต่างกันจึงทำให้การมองสิ่งเดียวกันแต่รับรู้และตีความออกมาในแนวคิดหรือทัศนะที่ต่างกัน เหตุเพราะความแตกต่างตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
2.และด้วยสิ่งที่แตกต่างกันนั้นทำให้คนเรามีความยึดมั่นถือมั่น มีทิฐิ และยอมรับคนอื่นยาก ซึ่งนำไปสู่การมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันผู้บริหารที่มีความสามารถจะต้อง
-เข้าใจถึงความแตกต่างของคนที่มีอยู่หรือ ทำงานร่วมทีมภายในหน่วยงาน
-ใช้ความสามารถในการบริหารเพื่อดึงความแตกต่างของคนเหล่านั้น มาทำงานให้บรรลุภารกิจ หรือ เป้าหมายขององค์กรให้ได้อย่างชาญฉลาดผมเห็นว่าผู้ที่อุปมาอุปไมยเรื่องนี้เก่งทีเดียว (ไม่แน่ใจว่าเป็นของผรั่งชาติใดเพราะเคยอ่านพบและเห็นไว ๆ ครับ)
สรุปแล้วคงทราบนะครับว่าผมเห็นอย่างไร
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

ขอ idea ธรรมเชิงการตลาด

เนื่องจากในแต่ละวันมีผู้ที่สอบถามและสนทนากับผู้เขียนผ่านทาง Blog และ email หรือ โทรศัพท์ขอคำแนะนำ ผม (ดร.ดนัย เทียนพุฒ ) เห็นว่าถ้านำคำถามที่ถามมา Post และตอบเสร็จอยู่ในแต่ละ Post น่าจะสนใจกว่าที่จะถามตอบตามแต่ละความคิดเห็น หรือ บางคนก็ไม่สดวก ที่จะลงทะเบียน เพราะต้องการเข้ามาอ่าน หรือ Update ตัวเอง ดูความเคลื่อนไหวของชาวเน็ต

@ สวัสดีค่ะ พี่ดนัย ก่อนอื่นหนูก็ต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ หนูชื่อ สุมนา ค่ะ เป็นนักศึกษาปริญญาโท สาขา วิศวะกรรมและการบริหารงานก่อสร้าง ช่วงนี้เป็นช่วงของการเลือกหัวข้อที่จะทำ research ซึ่งต้องส่งภายในสิ้นเดือนนี้ โดยประกอบด้วย หัวข้อที่ทำ, ความเป็นมาและปัญหา, วัตถุประสงค์, สิ่งที่จะได้จากงานวิจัย etc. เริ่มต้นหนูเองก็ค้นหาโดยการถามตัวเองว่าสนใจเรื่องอะไร จากนั้นหางานวิจัยที่ผ่านมา และเอกสารความรู้ต่างๆมาศึกษา บทสรุปก็คือ หนูสนใจเรื่องเกี่ยวกับ การจัดการกลยุทธ, การประเมิณองค์กร, พวกKPI, BSC เป็นต้น แต่ว่าหนูเองยังจับจุดไม่ถูกว่า กระแสในงานอุตสาหกรรมการก่อสร้างตอนนี้ สนใจเรื่องอะไรและยังขาดอะไรอยู่ เลยไม่รู้ว่าจะวิจัยไปแนวไหนดี เพราะหนูเองไม่เคยเข้าไปทำงานจริงๆภายในองค์กร เลยไม่ทราบว่ามันมีสิ่งไหนบ้างที่เกี่ยวข้องและเป็นปัญหาในการทำงานจากการที่หนูอ่านงานวิจัยของพี่ ทำให้หนูเกิด idea ว่าอยากจะเอามาประยุกต์ทำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พวกบ้านจัดสรร ซึ่งเป็นธุรกิจคล้ายๆงานอุตสาหกรรมทั่วๆไป ก็เลยอยากจะถามพี่ว่า ถ้าหากจะทำงานวิจัยเกี่ยวกับแนวที่ว่านี้ น่าจะวิจัยเกี่ยวกับเรื่องอะไรดีคะsumana_cm@yahoo.co.th
ตอบ ผมเห็นว่าแนวทางที่เดินทาข้างต้นถูกต้องแล้วครับคือ-การอ่านหนังสือ หรือค้นคว้าในงานที่คิดว่าเป็นความสนใจจึงได้ข้อสรุปที่อยากทำวิจัย สิ่งที่ยังขาดอยู่คือ การศึกษาในธุรกิจที่จะทำการวิจัยดังนั้นจึงควรที่จะเข้าไปศึกษาในธุรกิจก่อสร้างก่อนครับลองดูแนวทางนี้ก่อนหลังจากนั้นจะได้เรื่องที่น่าจะทำการวิจัย ผมอยากให้ทำอย่างนี้ก่อนจึงจะพิจารณาหัวข้อวิจัยได้ดีครับ
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

@ ขอเรียนถามเรื่องการประเมิน
อาจารย์ดนัย ที่นับถือขณะนี้ ดิฉันกำลังทำ IS เรื่องเกี่ยวกับสมรรถนะ ในแบบสอบถามมีการประเมินโดยใช้ หัวหน้าประเมิน ตนเองประเมิน เพื่อนร่วมงานประเมิน อย่างนี้จะเป็นการประเมินกี่องศา และจะหาหนังสืออะไรสนับสนุน เพราะปัจจุบันใช้หนังสือ การประเมินระบบ 360 feedback. ของอาจารย์อ้างอิง แต่อาจารย์ไม่ได้บอกรายละเอียดในการประเมิน 90 ,180 องศานับถือสุจิตรา ผ่องผดุง"sujitra pong" sujitra_pong@hotmail.com
ตอบ การทำวิจัยในเรื่องการประเมินระบบ 360 องศา ผมเชียร์ให้ทำครับเพราะในเมืองไทยมีการทำและใช้ยังไม่ถูกต้องอยู่เยอะสำหรับข้อเท็จจริงการประเมินที่บอกเป้นองศานั้นเป็นการสมมติตามทิศ มิติ หรือ ความสัมพันธ์ของการประเมินเช่นประเมิน 1 มิติ คือ การประเมินแบบ Topdown ประเมิน 2 มิติ คือ การประเมิน แบบ Two-wayหรือ การประเมิน Upward คือ การที่ลูกน้องประเมินผู้บังคับบัญชาการประเมินตนเอง คือ Self-Evaluationการประเมิน แบบรอบมิติ หรือหลายทิศทาง คือ Multi-sources rater ที่เมืองไทยเรียกว่า 360 องศา ละครับสรุปแล้วการประเมิน ถ้าจะให้ถูกต้องเรียกว่าการประเมินตามแหล่งผู้ประเมิน น่าจะถูกต้องกว่าที่จะไปเรียกว่าประเมิน กี่องศาซึ่งถ้าศึกษาตามที่ผมบอกจะมีข้อมูลมากทีเดียวครับ
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

@ เรียน อาจารย์ดนัย ที่เคารพดิฉันเคยเรียนถามอาจารย์ เรื่องการประเมิน 90 ,180 และ 360 องศา มาแล้ว อยากขอคำแนะนำจากอาจารย์เรื่องชื่อหนังสือค่ะ เพราะอยู่ต่างจังหวัด
นับถือ
สุจิตรา ผ่องผดุง
"sujitra pong"
ตอบ เรียนคุณสุจิตราเรื่องชื่อหนังสือ เช่น
1.The Handbook of Multisource Feedback (2001) by David W.Bracken and others.2.Performance Management (1994) by Michael Armstrong (ผมเห็นมีพิมพ์ครั้งใหม่แล้ว)
3.Managing & Measuring Employee Perormance (2006) by Houldsworth and Jirasinghe
หากหาหนังสือยากผมคิดว่าในฐานข้อมูลออนไลน์ ของ Emerald (WWW.EMERALDINSIGHT.COM) จะช่วยได้มากครับถ้า มหา'ลัย เป็นสมาชิกอยู่
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

@ เรียน อาจารย์ดนัย ที่เคารพคือผมเป็นคนที่มีความสนใจส่วนตัวในเรื่องของการตลาด ที่ผมอยากได้ไอเดียใหม่จากอาจารย์ คือ ผมสังเกตเห็นรายการโทรทัศน์ในปัจจุบันพบว่ากระแสรายการโทรทัศน์ที่ทำยากที่สุดในความคิดของผมคือ รายการธรรมะ เพราะมันออกจะเป็นรยาการแบบEducation ผมจึงอยากให้อาจารย์ช่วยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ถ้าจะสร้างรายการธรรมะรูปแบบใหม่ที่ตอบสนองกับคนทุกวัย ไม่น่าเบื่อ ผมควรจะมีสิ่งใดที่แตกต่างจากรายการธรรมะทั่วไปในปัจจุบันดีครับ
สุทธิศักดิ์ เด่นเพชรกุลmurder_doll@hotmail.com
ตอบ เรียนคุณสุทธิศักดิ์น่าสนใจมากครับที่จะสร้างรายการธรรมะในรูปแบบใหม่ก่อนอื่นผมเองได้มีโอกาสดูรายการธรรมอยู่บ้างและล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 27 มค.50 ได้เห็นรายการธรรมะ ตอน ตี่หนึ่งกว่า ๆ ซึ่งทำให้สงสัยว่าใครจะเปิดดู หรือ มีกลุ่มพิเศษที่สนใจดูประการแรก ถ้าคิดในเชิงการตลาดผู้บริโภคสนใจหรือเชื่อผู้ที่เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพล เช่นดารา คนดัง ผู้นำประเทศที่เป็นที่ยอมรับ ว่าไม่โกงและทำร้ายประเทศชาติตนเองทั้งในทางลับและทางแจ้งหรือ พระที่มีความสามารถทั้งทางธรรม และทางเทศน์ดังนั้นการเลือกผู้ที่จะมานำเสนอต้องจะต้องมีคุณลักษณะดังนี้
1.เป็นผู้ที่มีอิทธิพล ต่อผู้ดูรายการธรรมะ
2.ต่อมา การคิดออกนอกกรอบ คือ ผู้ที่มาพูดหรือสนทนาธรรม จึงไม่จำเป็นต้องเป็น พระ หรือ แม่ชี เสมอไปยกเว้นว่าเป็นระดับดาราจริงๆ (ติดตลาด) เช่น พระพยอม ท่านเจ้าคุณวัดสุทัศน์ ฯลฯเนื่องจากพอเปิดเจออะไรสีขาว ๆ หรือเหลือง ๆ เราก็กดรีโมทเปลี่ยนช่องแล้ว
3.ถ้าเปลียนการแสดงธรรมเป็นการ สนทนาธรรม โดยคนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานดีๆ และเป็นที่ยอมรับ คล้าย ฟอรัมการสัมมนา ดูจะน่าสนใจกว่ารูปแบบแสดงธรรม ทางทีวีที่เห็น
ประการสำคัญ วิธีการใหม่ในการนำเสนอคงต้องคิดในเชิงการตลาดแบบ IMC (การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ Integrated Marketing Communication ) คือ ใช้ทุกรูปแบบของการสื่อสารการตลาด เช่น Direct marketing Event marketing PR etc
ผมได้ดูรายการ Discovery ที่ไปศึกษาวิธีการเผยแพร่พุทธศาสนาของวัดเส้าหลิน ซึ่งเมืองไทยน่าจะทำได้
-เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินจะมีการเดินสายไปบรรยายทั่วโลก ในเรื่อง กำลังภายในและมวยจีนของวัดที่โด่งดังและสอดแทรกการสอนธรรมไปด้วย
-คนทั่วโลกรู้จักวัดเส้าหลินเพราะมวยจีน หรือ กังฟู ในความจริงคือ การปฎิบัติธรรม และทำสมาธิ ดังนั้นทำอย่างไรจะให้คนสนใจจึงไปจ้างนักเขียนการ์ตูน ชาวไต้หวัน มาวาดภาพการ์ตูนกังฟูของวัดเส้าหลิน แล้วทำเป็นหนังการ์ตูนเผยแพร่ ยิ่งทำให้ วัดเส้าหลินโด่งดังมีคนสนใจมาเยี่ยมชมและบริจาคมากขึ้น
-วัดเส้าหลินใช้วิธีการเผยแพร่ศาสนาและมวยกังฟูวัดเส้าหลิน โดยทำในรูป แฟรนไชส์ คือ รูปแบบคล้าย 7-11 ไปทั่วโลก ประการสุดท้ายสำหรับประเทศไทยเราเผยแพร่ศาสนาอย่างตามบุญตามมี
-ซึ่งจะอยู่ที่เจ้าอาวาส และศรัทธา จะทำอะไรก็ว่ากันไป เช่น วัดม่วงแถว ๆ สระบุรี ปั้น รูปเปรต เยอะไปหมด บ้างวัดก็สร้างศิลปะอลังการณ์ บางวัดก็มีกิจกรรมรำวงกลองยาวแก้บน ฯลฯ-เราไม่มีแก่นหลักที่เป็นวิชาการในการเผยแพร่ศาสนา เช่น ถ้าวัดชลประทาน หรือ สวนโมกข์พลาราม เป็นเสาหลักแห่งพุทธธรรม ในการเผยแพร่ ก็ปรับวัดต่าง ๆ ให้เป็นสาขาของวัดดัง ๆ ข้างต้นจะได้มีรูปแบบการจัดการวัดและธรรมที่มีรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ
-คงต้องกำหนดวิธีการในการเข้ามาสู่พุทธศาสนาเช่น ศรัทธาเข้ามาบวชตามประเพณี เปิดทั่วไปศรัทธาที่จะเข้ามาดำรงและสืบต่อพระพุทธศสานาต้องจบอย่างต่ำปริญญาตรีพระหรือ ผู้ที่จะเผยแพร่ธรรมะทางการสื่อสารการตลาด จะต้อง
1.มีวุฒิทั้งทางโลกและทางธรรม
2.ต้องผ่านหลักสูตร การสอน และวิธีการสื่อสารรู้จักพฤติกรรมผู้ฟัง
3.มีสถาบันทำการพัฒนา ผู้ที่ทำหน้าที่นี้อย่างต่อเนื่อง และ1 และ 2 จะต้องกลับมาทบทวนในกรณีที่มีพัฒนาการใหม่
4.ต้องมีรายได้พอประมาณในการไปพัฒนาตนเองให้ก้าวขึ้นใน 3 ระดับคือ
4.1 ระดับประเทศ4
.2 ระดับภูมิภาค
4.3 ระดับนานาชาติผมอยากเห็นวันที่พุทธศาสนา สามารถดำเนินตามนี้ได้ ประเทศชาติ และมนุษยชาติคงดีกว่านี้ (ไม่ใช่เพื่อศรัทธาไปจับปืนฆ่าคน ดังทีเห็นและเป็นอยู่)
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants
*****************
ขอบคุณครับที่ให้แนวคิด
นับถือ
สุทธิศักดิ์ เด่นเพชรกุล
***************

@ Qualification ของการเป็น HR Professional มีอะไรบ้างค่ะ โดยคุณ Keaw ตอบ ผมได้เขียนไว้บ้างใน หนังสือ การบริหารทรัพยากรบุคคลสู่ศตวรรษที่ 21 ในเรื่องที่ว่าด้วยThe Competencies Model for HR Managerถ้าจะตอบย่อ ๆ ในที่นี้
- จะต้องมีความรู้ทางด้าน HR สมัยใหม่ ที่เน้นทางด้านทุนมนุษย์
- มีพื้นฐานที่ดีทางด้าน กลยุทธ และการจัดการธุรกิจที่สามารถแปลไปสู่ HR ได้ทุกระบบ
-ความจำเป็นที่จะต้องรู้ด้าน ICT เพื่อการมาปรับใช้ในงาน HR
-คิดเชิงกลยุทธได้เพื่อมอง คนในเชิง " Strategic Player"
จึงจะสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้าน HR ให้เกิดขึ้นในองค์กรฯลฯ
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

@ เรียนถามอาจารย์หนูกำลังเรียนโท ที่เกาหลี ด้าน Public Policy ทีนี้มี สอง สามวิชาที่ใหม่สำหรับหนูมาก เพราะไม่มีพื้นฐานมาก่อน
-Quantitative Methods
-Analysis Marketing & Public Policy
-Cultural Policyหนูจะหาอ่านหนังสือเหล่านี้ที่เป็นภาษาไทยได้จากไหนบ้างคะ แนะนำด้วยค่ะ
โดย มัดหมี่ (Princess in the Blue )
ตอบ ผมขอแนะนำว่า
-Quantitative Methods ไม่แน่ใจว่าเข้าใจตรงกันหรือไม่ปกติจะเป็นวิธีการทางคุณภาพ เช่น การศึกษาหรือวิจัยทางคุณภาพ ซึ่งจะมีภาษาไทยค่อนข้างเยอะเลยครับสำหรับการศึกษาด้าน Public Policy น่าจะใช้วิธีการดังกล่าวมากกว่า Qualitative Methods
-Analysis Marketing & Public Policyภาษาไทยอาจจะหายากครับ เพราะ เป็นสิ่งที่เพิ่งพูดกันในช่วง 2-3 ปีมานี้ ผมเคยเห็นบทวิเคราะห์ในเวบไซท์ด้านเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ได้พูดในเรื่อง Marketing based economy รวมถึงการกำหนดนโยบายของรัฐบาลด้วย และถ้าในเมืองไทย รัฐบาลที่แล้วใช้เรื่องนี้ เกิน ร้อย %แต่ถ้าการเมืองในสหรัฐอเมริกา จะเรียนเรื่องเหล่านี้ครับ " คงต้อง google it ครับ"
-Cultural Policy ผมคิดว่า ของเกาหลีมีให้ศึกษามากกว่าของบ้านเราครับ ลอง ค้น ในเรื่องหรือ หัวข้อ " The Korean Wave " ของเกาหลีดูครับ เพราะ เขาเรียกว่าหรืออ้างว่าเป็นวัฒนธรรมใหม่ของเอเซีย
สำหรับที่น่าสนใจอีกอันคือ ของประเทสจีนใช้นโยบายด้านวัฒนธรรมผ่านทาง "สถาบันขงจื๊อ "
และส่วนใน US นั้นจะเรียกว่า Creolizationหนังสือภาษาไทยคงหายากครับ
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

@ สวัสดีค่ะ ท่านดร.ดนัย เทียนพุฒดิฉัน อยากทราบการทำธุรกิจแบบดีพาร์ทเมนต์สโตร์ค่ะ ว่ามีหลักการอย่างไร และในปัจจุบีนนี้การแข่งขันรุนแรงมากน้อยเพียงใด และลักษณะการดำเนินงานเป็นอย่างไรบ้างค่ะ
โดย muaylek

ตอบ จากประสบการณ์ของผมในการทำงานกับธุรกิจค้าปลีก (ห้างสรรพสินค้า ค้าส่ง ค้าปลีก ร้านโชห่วย ฯลฯ )หลักการสำคัญ 3 อย่างแรก คือ
-สิ่งแรกต้องมีความเข้าใจในธุรกิจที่ทำซึ่งก็มีหลายรูปแบบทั้ง ห้างสรรพสินค้า(Department Store) ค้าส่ง ( Whole sales) Supercenter/DiscountStore Food Center Speciality Store / Category Killer Convenience Store/G-Store etc.
-เราจะเข้าไปทำในส่วนตรงไหนของ ซัพพลายเชน แต่ที่สำคัญมากต้องเป็นสิ่งที่เราเชี่ยวชาญ อาจจะมาจากครอบครัว เคยทำงานในธุรกิจนี้มาก่อน หรือ ร่ำเรียนมาโดยตรง
-สิ่งสุดท้ายแต่สำคัญมาก จะทำด้วยBrand ของตนเอง หรือ อาศัย Global Brand หรือ Chain Store ที่ดังติดตลาดอยู่แล้ว
ส่วนที่สำคัญรองลงมา คือ 5'Ms ที่รู้จักกันดีอยู่แล้วครับ"สภาพการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีก( Retailing ) "ต้องบอกว่าในปัจจุบันสูงมาก หน้าใหม่ที่จะเข้ามาแข่งขันได้คงต้องเป็นยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศเท่านั้นส่วนผ้ประกอบการไทยที่อยากทำธุรกิจนี้ คงต้องอาศัย Chain Store หรือ Brand ของเจ้าที่ดัง ๆ แล้วเท่านั้น หรือไม่ก็เป็น โชห่วยในซอยลึก ๆ ในหมู่บ้านไกล ๆ ในคอนโด หรือ อพาทเมนต์การดำเนินงานเป็นเรื่อง "ง่าย ๆ ซื้อมาถูก ๆๆ ขายปริมาณมาก ๆ ๆๆ หมุนเวียนเร็ว ๆๆๆ"
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

ธุรกิจค้าปลีก กับธุรกิจค้าส่ง

เนื่องจากในแต่ละวันมีผู้ที่สอบถามและสนทนากับผู้เขียนผ่านทาง Blog และ email หรือ โทรศัพท์ขอคำแนะนำ ผม (ดร.ดนัย เทียนพุฒ ) เห็นว่าถ้านำคำถามที่ถามมา Post และตอบเสร็จอยู่ในแต่ละ Post น่าจะสนใจกว่าที่จะถามตอบตามแต่ละความคิดเห็น หรือ บางคนก็ไม่สดวก ที่จะลงทะเบียน เพราะต้องการเข้ามาอ่าน หรือ Update ตัวเอง ดูความเคลื่อนไหวของชาวเน็ต

@ สวัสดีค่ะ ดร.ดนัย หนูอยากทราบว่าถ้าหนูจะทำการศึกษาระหว่างธุรกิจค้าปลีก กับธุรกิจค้าส่ง แล้วนำมาเปรียบเทียบว่าธุรกิจในจังหวัด ว่าเค้ามีความสามารถในการแข่งขันอย่างไร กับ Lotus Macro Big-C อ.ว่าหนูควรจะยึดเอาธุรกิจค้าปลีก หรือค้าส่งดีกว่ากัน เมื่อมองในเรื่องของเนื้อหา ความยากง่าย ช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
โดย: วุ้น
ตอบ ประเด็นแรกต้องดูว่าในสกลนครส่วนใหญ่เป็นธุรกิจค้าปลีก หรือ ค้าส่งประเด็นที่สอง เลือกจากข้างต้นที่เป็นธุรกิจหลักของ สกลนคร ซึ่งจะทำให้สามารถหาข้อมูลและทำการศึกษาได้ประเด็นที่ สามระดับ ป.โทคงไม่ได้ลงลึกมากผมแนะนำให้ศึกษาจากวารสาร หรือ หนังสือด้านค้าปลีก เช่น Retail Asis และมีสมาคมค้าปลีกในยุโรป ที่ศึกษาเรื่องนี้ทั้งโลกจะทำให้เห็นมุมมองในการศึกษา ด้าน IS ได้ชัดขึ้น
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

@ สวัสดีค่ะ อยากทราบว่า succession plan คืออะไรค่ะ เเล้วมีทฤษฎีที่เกี่ยวข้องรึเปล่าค่ะ มีหนังสือที่เกี่ยวข้อง succession plan ไหมค่ะ ขอบคุณค่ะ
โดย: เจนนี่ HRM
ตอบ คำว่า Succession Plan เป็นเรื่องของการจัดทำแผนการสืบทอดตำแหน่งผู้บริหารในองค์กร โดย-เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ หรือการเติบโต-เพื่อมีผู้บริหารที่เหมาะสมและมีความสามารถทดแทนในกรณีที่ ตำแหน่งระดับบริหารว่างลงปกติองค์กรจะเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาเรื่องนี้เช่น ประเมินศักยภาพผู้บริหาร จัดทำผังสืบทอดตำแหน่ง และจัดทำ IDP ( Individual Development Plan)หนังสือมีเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะภาษาอังกฤษภาษาไทยผมเขียนไว้ ชื่อ การจัดทำแผนอาชีพและแผนสืบทอดตำแหน่ง พิมพ์โดย PMAT
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai ThieanphutD
DNT Consultants

@ สวัสดีค่ะอาจารย์หนูอยากทราบความหมายของการสื่อสารการตลาดอย่างครบวงจรค่ะ
โดย: จอย
ตอบ คำว่าการสื่อสารการตลาดอย่างครบวงจร นั้นมาจากคำภาษาอังกฤษ IMC ( Integreated Marketing Communication)อธิบายได้ว่า กระบวนการพัฒนาแผนงานการสื่อสารการตลาดที่ต้องใช้การสือสารหลายรูปแบบกับกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่องหัวใจของIMCคือการกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภคไม่ใช่สร้างแค่การรับรู้ การจดจำ หรือการยอมรับเท่านั้นเครื่องมือหลายรูปแบบ ทั้ง Above the line และ Below the line
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

@ สนใจด้านพัฒนามนุษย์ ต้องการทำthesis เกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาคนในองค์กร อาจารย์ช่วยแนะนำ1 จุดเริ่มต้นเพื่อชี้เป็นแนวทาง ด้วยคะ และ2 อาจารย์ช่วยแนะนำแหล่งข้อมูลในการค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับการพํฒนาคนในองค์กรทั้งไทยและต่างประเทศด้วยคะ ขอบคุณคะ3 บอกขั้นตอนในการทำวิทยานิพนธ์ในการหากรอบความคิด และทฤษฏีที่น่าสนใจ เป็นแนวทางด้วยคะ
โดย: คุณส้ม
ตอบ คุณส้ม1.อยากให้อ่านใน Blog นี้ด้วยครับจะ
ทำ Thesis และ Dissertation ให้สำเร็จได้อย่างไร
2.-3. จะต้องหนังสือ-ระเบียบวิธีวิจัยถึงพอจะมองเห็นทางในการทำวิจัย
-อ่านพวก วารสารทางวิชาการแล้วดูที่
(1) บทคัดย่อว่ามีอะไรที่เราสนใจบ้าง
(2) ในบทสรุปและข้อเสนอแนะในการวิจัยมีอะไรที่เราคิดว่าเป็นประเด็นในการวิจัยของเราได้
(3) คุยกับนักปฎิบัติคือคนที่ทำงานในองค์กรด้านพัฒนาคนว่าขณะนี้มีประเด็นอะไรที่ธุรกิจต้องการคำตอบ
-ปกตินักวิจัยจะได้กรอบแนวคิดในการวิจัยมาจากการทบทวนวรรณกรรม
-แหล่งข้อมูลที่ดีโดยเฉพาะถ้ามหา'ลัยเป็นสมาชิกคือ
ที่ emerald( http://www.emeraldinsight.com)
และ ที่ Google(http://scholar.google.com/)
หรือ database ของมหา'ลัยครับ
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

@ ปัจจุบันนี้ประเทศไทยขาดความรู้ ( know how )มากน้อยเพียงใด เมื่อเทียบกับประเทศอื่นค่ะ
โดย: มณฑา
ตอบ ในทัศนะผม1.ถ้าเป็นความรู้ที่จะสร้างเทคโนโลยี่ และ นวัตกรรมใหม่ ๆ ขั้นสูงผมมั่นใจว่าเรายังไม่มีเทคโนโลยีของเราเอง2.ถ้าเป็นความรู้ที่ตามตะวันตกเราน่าจะตามได้ หากแต่ไม่ลึกเท่าที่ควร3.เรามีวัฒนธรรมการเรียนรู้แบบรับรู้ จึงต้องไล่กวดความรู้อยู่ตลอดเวลาแต่ถ้าเราสามารถ เปลี่ยนเป็นวัฒนธรรมการเรียนรู้แบบนวัตกรรมและผลิตภาพ เราจะมีความรู้ของเราเองครับ
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

@ ตอนนี้กำลังหาหัวข้อทำวิทยานิพนธ์ค่ะ สาขาด้านไอที อยากให้อาจารย์ช่วยแนะนำหัวข้อให้หน่อยค่ะ แต่อยากจะเลี่ยงการทำโปรแกรม ส่วนเรื่องที่สนใจ CRM KM หรื่อการนำไอที่ไปประยุกต์ในด้านต่างๆค่ะขอบพระคุณมาค่ะ
โดย: เมย์
ตอบ ที่ผมคิดว่ามีประเด็นที่น่าสนใจในด้านIT คือ-ถ้าจะสร้างองค์กรแบบ PeopleTech Company ที่คนยอมรับและใช้เทคโนโลยีในทำงานได้แบบทันสมัยจริง ๆ รูปแบบเป็นอย่างไร-การสร้างรูปแบบการวัดความสำเร็จ ขององค์กรด้านIT ด้วยเครื่องมือทางกลยุทธ-ถ้าองค์กรด้านIT จะแข่งกับประเทศในภูมิภาคนี้ คนIT จะมีความสามารถทั่วไป และเฉพาะตำแหน่งอย่างไร-กลยุทธด้านIT แบบใดจึงจะเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร-และสุดท้ายองค์กร หรือฝ่ายIT มีทุนทางปัญญามากน้อยกว่าฝ่ายงานอื่นเพียงใด
ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants